มาเดากันเล่นๆ
มารายห์ แครีย์ มีรายได้จากเพลง "All I Want for Christmas Is You" ปีละกี่ล้าน?
.
อากาศเย็นๆแบบนี้...เดือนธันวาคมแบบนี้...ในช่วงเทศกาลคริสต์มาสแบบนี้คงหนีไม่พ้นเพลง "All I Want for Christmas Is You" ของมารายห์ แครีย์ ที่ฮอตฮิตในทุกๆปี...จึงเกิดความสงสัยว่าเพลงที่ปล่อยออกมากว่า 25 ปี ทำไมดังขึ้นเรื่อยๆทุกปี และไม่มีวี่แววว่าจะแผ่วลงเลยสักนิด
.
"All I Want for Christmas Is You" เป็นซิงเกิ้ลแรกจากอัลบั้ม “Merry Christmas” ที่ออกวางจำหน่ายเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 1994 หลังจากนั้นก็ประสบความสำเร็จเป็นที่นิยมอย่างท่วมท้น ซึ่งคนที่ออกไอเดียให้เธอทำอัลบั้ม “Merry Christmas” ออกมาก็คือสามีของเธอ ในทีแรกที่ก็ไม่เห็นด้วยเพราะมันดูเชยเอามากๆ แต่สุดท้ายเธอก็ยอมทำอัลบั้มนี้ขึ้นกับ วอลเตอร์ อฟานาเซียฟ ทั้งสองเขียนเพลงร่วมกัน 3 เพลง และ 1 ในนั้นคือเพลง "All I Want for Christmas Is You"
.
ในตอนแรกนั้น "All I Want for Christmas Is You" ยังไม่ติด Billboard Hot 100 เนื่องจากกฎเยอะเเยะมากมายของบิลบอร์ดในยุคนั้น ไม่ว่าจะเป็นการตัดเพลงนี้ออกเนื่องจากไม่ตัดขายเป็นซิงเกิ้ล แต่ภายหลังปี 1988 บิลบอร์ดก็ได้เปลี่ยนกฎ เพลงนี้ก็สามารถกลับมาเข้าชาร์ตได้ทุกปีเลย
.
ส่วนหนึ่งที่ทำให้เพลงนี้กลับมาดังได้อีกครั้งคือการที่เพลงไปปรากฎในหนังหนังวันคริสมาสต์หลายเรื่อง แต่ที่เด่นที่สุดคือหนังรักเรื่อง Love Acually ปี 2003 ทำให้เพลง "All I Want for Christmas Is You" กลายเป็นเพลงโปรของใครหลายๆคน และเมื่อศิลปินดังๆนำเพลงนี้มาคัฟเวอร์ใหม่ มารายห์ แครีย์ก็นอนตีพุงเก็บค่าลิขสิทธิ์ไปเลยหวานๆ
.
มีการประเมินว่ามารายห์ แครีย์ รับเงินค่าลิขสิทธิ์จากเพลงนี้มากถึงปีละประมาณ 500,000 เหรียญสหรัฐ หรือราว 17.5 ล้านบาท และสื่อด้านการเงินอย่าง The Economist รายงานว่าแครีย์รับค่าลิขสิทธิ์ไปแล้วกว่า 60 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 2,100 ล้านบาท นับตั้งแต่ปล่อยเพลงนี้ออกมาในปี 1994
.
นับว่าสามีของแครีย์ มองการไกลมากที่ให้เธอทำอัลบั้มนี้ออกมา เพราะค่าลิขสิทธิ์ที่มากโขก็สามารถนอนสบายๆใช้ชีวิตอู้ฟู่ได้ตลอดชีวิต
.
“Merry Christmas”
.
#fftudy
#Peoplepersona
#MerryChristmas
同時也有10000部Youtube影片,追蹤數超過2,910的網紅コバにゃんチャンネル,也在其Youtube影片中提到,...
「fftudy」的推薦目錄:
fftudy 在 People Persona Facebook 的最佳貼文
ครอบครัวที่ตัดสินใจแช่แข็งร่างของลูกเอาไว้
โดยหวังว่าในอนาคตจะมียาและเทคโนโลยีที่รักษาลูกของพวกเขาไว้ได้
.
Hope Frozen สารคดีที่ใครหลายคนอาจจะได้ดูแล้วทาง Netflix
.
สารคดีเรื่องจริงและเกิดขึ้นในประเทศไทยเมื่อ10 ปีที่แล้ว สารคดีบอกเล่าเรื่องราวลูกสาวคนเล็กของบ้านป่วยเป็นมะเร็งซึ่งนวัฒกรรมทางการแพทย์ในสมัยนั้นยังไม่มีทางรักษา...จนกระทั่งมาถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีทางรักษา...พวกเขาจึงตัดสินใจแช่แข็งลูกสาวของพวกเขาเอาไว้...เพื่อหวังว่าสักวันนึงลูกสาวของเขาจะกลับมามีชีวิตอีกครั้ง
.
ครอบครัว “เนาวรัตน์พงษ์” ประกอบด้วย สหธรณ์ ผู้เป็นพ่อ , นารีรัตน์ ผู้เป็นแม่ , และ เเมทริกซ์ ลูกชายคนโต เรื่องราวทั้งหมดเริ่มมาจาก “เเมทริกซ์” อยากมีน้องเพิ่มอีกคน...ไม่นานนักครอบครัวเนาวรัตน์ก็ได้กำเนิด “ไอนส์” ขึ้นมาด้วยความรักของทุกคนในบ้าน...ซึ่งคำว่า “ไอนส์” มีที่มาจากคำว่า Ai (愛) เป็นภาษาจีนและภาษาญี่ปุ่นที่แปลว่า “ความรัก” เด็กหญิงที่เป็นทั้งความรัก ความสุข และเป็นความสดใสของบ้าน
.
ไม่นานนักฝันร้ายมาถึง…ไอนส์ป่วยเป็นมะเร็งในสมองระดับรุนแรง และน้องอาจจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่เกินสองขวบ...จากวินิจฉัยของแพทย์
.
แต่ทุกคนก็ไม่หมดหวัง...ด้วยความรู้ด้านวิทยาศาสร์ของคุณพ่อ...คุณพ่อทำการศึกษาวิจัยเพื่อลูกยืดชีวิตลูกอย่างดีที่สุด...ไอนส์ถูกส่งตัวไปผ่าตัดกว่า 12 ครั้งด้วยกัน...ไม่ว่าจะเป็นยาที่ดีที่สุดเท่าที่จะหาได้ในไทย...จนกระทั่งสุดทางรักษาแล้ว
.
เมื่อยอมรับว่าสุดทางด้านวิทยาศาสตร์แล้วจริงๆ...คุณพ่อจึงนำน้องไอนส์ไปทำการ “ไครออนิกส์” (Cryonics) ซึ่งเป็นเทคนิคการแช่เเข็งมนุษย์ทั้งร่าง หรือเอาบางส่วนไปแช่แข็งไว้ในอุณหภูมิที่ต่ำ โดยทุกอย่างทุกกระบวนการที่ทำได้ผ่านการตัดสินร่วมกันของคนในครอบครัวแล้ว (โดยเนื้อหาของโครงการขอสงวนไว้ และสามารถเข้าไปดูเพิ่มเติมได้ใน Hope Frozen ทาง Netflix ค่ะ)
.
หลังจากที่ครอบครัวเนาวรัตน์ตัดสินใจทำการ “ไครออนิกส์” ทำให้ครอบครัวของเขาโดนจับตามองเป็นอย่างมาก บ้างก็ว่าพวกเขาบ้า...บ้างก็ว่าพวกเขาคือคนคลั่งวิทยาศาสตร์...แต่การตัดสินใจทั้งหมดทั้งหมดมวลที่กล่าวมาล้วนทำเพราะความรัก และความคาดหวังที่ลูกของเขาจะได้กลับมาใช้ชีวิตอีกครั้ง
.
หลังจากที่ได้ดูสารคดีเรื่องนี้จบครบถ้วนก็มีความคิดที่ตกตะกอนได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะในแง่ของความรัก ความหวัง. และวิทยาศาสตร์
.
“ความรัก”
ความรักเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่มาก... ความรักคือสิ่งที่ทรงพลังที่สุด...ความรักคือพลังในการทำสิ่งที่เราไม่เคยทำมาก่อน
.
“ความหวัง”
ทุกคนอยู่ได้ด้วยความหวัง...ความหวังทำให้มนุษย์อย่างเราสามารถทำทุกอย่างได้...แม้เป็นแต่สิ่งที่ยากที่สุด
.
“วิทยาศาสตร์”
ต่อให้วิทยาการทางวิทยาศาสตร์จะดีมากแค่ไหน...แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครอยู่เหนือโรคภัยไปได้
.
Hope Frozen สอนให้เรายอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ไม่ได้สอนให้เรายอมแพ้และสิ้นหวัง
.
#fftudy
#HopeFrozen
#Peoplepersona
fftudy 在 People Persona Facebook 的最佳解答
“Why don’t we just talk?”
เคยรู้สึกไหม? ทำไมเวลาลูกมีปัญหาแล้ว "ไม่กล้า" คุยกับเรา
.
แล้วเคยสงสัยหรือไม่? ถามอะไรไปลูกมักจะเงียบตลอด...ถามอะไรก็ไม่ตอบ...ลูกๆมักมีความลับ และเลือกที่จะบอกเพื่อนมากกว่า
.
ลองอ่านเหตุผล 9 อย่างนี้ดู...แล้วคุณจะเข้าใจเขามากขึ้น
.
1. เกรงใจพ่อแม่ เห็นทำงานมาเหนื่อยๆ
ในบางทีลูกก็เห็นพ่อแม่ทำงานเหนื่อยมากๆ ซึ่งเขาไม่อยากรบกวนเวลาพักผ่อน เลยทำให้เก็บมาเรื่อยๆ ส่วนพ่อแม่นั้นก็เข้าใจว่าลูกโตแล้วไม่มีปัญหาอะไร ก็ไม่กล้าถามลูกอีก เลยเกิดการไม่ได้คุยกันสักที
.
2. ชอบนำไปเล่าต่อ
วัยรุ่นรู้สึกว่าพ่อแม่ชอบแฉความลับตัวเอง นำไปเล่าต่อ บางคนสามารถรับมือได้ แต่บางคนไม่สามารถรับมือได้ก็เกิดความอับอาย จึงเกิดความคิดว่าคราวหลังไม่เล่าให้พ่อแม่ฟังดีกว่า
.
3. เจ้ากี้เจ้าการ จู้จี้ขี้บ่น หยุมหยิมกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง
พอมีการเกิดช่องว่างระหว่างวัย ความสนใจของผู้ใหญ่และวัยรุ่นที่ไม่เหมือนกัน พ่อแม่ควรถามลูกเวลาจะใช้งานว่าว่างไหม สะดวกรึป่าว หากลูกติดพันงานอื่นๆที่ต้องทำอยู่...ก็ควรเข้าใจเขา และให้เวลาทำก่อนที่จะใช้งานอย่างอื่น
.
4. ยังฟังไม่จบ ก็จ้องจับผิดอย่างเดียวเลย
พ่อแม่ตั้งใจฟังลูก แต่ก็ฟังไปถามไป จับผิดไป สอนไป เล่าไม่ถึงไหนก็ถูกขัด ควรฟังให้จบก่อนตัดสิน ไม่งั้นจะกลายเป็นว่าลูกทำอะไรก็ผิด
.
5. ถึงพ่อแม่จะฟัง แต่ก็รู้สึกว่าไม่ได้ตั้งใจฟังเราเล่า
ถ้าพ่อแม่ไม่สนใจฟังลูก แม้จะไม่ได้บอกปัดใดๆ ก็ตาม ก็สามารถทำให้อาการอยากเล่าลดน้อยลงได้ แล้วถ้าลูกรู้สึกแบบนี้เข้าบ่อยๆ ก็ไม่อยากเล่าอะไรให้พ่อแม่ฟังอีก เพราะรู้สึกว่า เล่าไปพ่อแม่ก็ไม่สนใจที่จะฟัง ฟังผ่านๆ
.
6. จู่ๆ ก็มาถาม มีนัยให้ รู้สึกว่ากำลังถูกจับผิด
ลูกๆมักกังวลว่าความลับจะถูกเปิดเผย และมองพ่อแม่มักจะถามไถ่แบบมีนัยยะ ด้วยสีหน้าที่จริงจัแต่นั่นแหละค่ะ ลูกๆอย่าคิดไปก่อน เพราะจริงๆแล้วพ่อกับแม่อาจจะเป็นห่วงเราเฉยๆก็เป็นได้
.
7. พอให้เราแสดงความคิดเห็น แล้วก็ไม่ยอมฟัง
ด้วยช่วงวัยที่ต่างทำให้ความคิด ความอ่านต่างๆ ไม่เหมือนกัน ทำให้ข้อเสนอบางอย่างของวัยรุ่นดูไม่เหมาะสม สิ่งที่ผู้ใหญ่ควรทำมากกว่าคือ ควรบอกด้วยว่า ทำไมสิ่งที่ลูกเสนอนั้นยังไม่เหมาะสมเพียงพอ และจะทำอย่างไรให้ดีขึ้น ให้โอกาสลูกได้เสนออีกครั้ง เพราะการทำไม่ให้โอกาส หรือไม่ยอมรับฟังทำให้ลูกไม่อยากพูดหรือแสดงความเห็นอีกเลย
.
8. เวลาดีๆ ไม่ยอมมาพูด ต้องมาพูดตอนเครียดๆ
บางทีในช่วงเวลาที่ยุ่งๆ พ่อกับแม่ไม่ทราบทำให้บางครั้งการที่เรียกมาใช้งานหรือคุยอะไรกลางคันทำให้พวกเขาเบื่อ หรือเกิดอาการชักสีหน้าด้วยความเครียด ทำให้ต่างฝ่ายต่างไม่เข้าใจกันและเกิดปากเสียงในที่สุด
.
9. อยากให้ปรึกษาได้ทุกเวลา แต่บางทีก็ยุ่งเกินไปทุกครั้ง
คล้ายๆกันกับข้อที่เกรงใจ อยากให้ลูกสามารถพูดคุยได้ทุกเวลาแต่พ่อกับแม่ก็ไม่มีเวลา ส่วนตัวลูกเองก็มีความเกรงใจทำให้สุดท้ายแล้วการปรึกษาก็ไม่เกิดขึ้น
.
อ่านมาถึงตอนนี้แล้วทุกปัญหาต้องแก้ไขด้วยการพูดคุยกันและเข้าใจซึ่งกันและกัน พ่อกับแม่ต้องให้ความเอาใจใส่ ส่วนลูกก็ต้องเข้าใจในความต่างของช่วงวัย
.
Cr : Dek-d.com
#fftudy
#Peoplepersona
fftudy 在 4-HOUR STUDY WITH ME / quiet jazz + fireplace ... - YouTube 的推薦與評價
4-HOUR STUDY WITH ME / quiet jazz + fireplace / ❄️A Snowy Morning in Hokkaido / w/countdown+alarm · Comments885. ... <看更多>