สรุปเส้นทาง เว็บเบราว์เซอร์ จาก Netscape สู่ Google Chrome /โดย ลงทุนแมน
ถ้าพูดถึงการท่องโลกอินเทอร์เน็ต สิ่งที่เป็นเหมือนประตูบานแรกที่ทุกคนต้องเดินผ่าน ก็คือ “เว็บเบราว์เซอร์”
รู้ไหมว่า ความสำคัญของเว็บเบราว์เซอร์นั้น ได้นำไปสู่การต่อสู้เพื่อแย่งชิงฐานผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตอย่างดุเดือด ซึ่งเหตุการณ์ก็ยืดเยื้อมานานเกือบ 30 ปี และพลิกผันอยู่หลายครั้ง จนทำให้ผู้ชนะในศึกแรก ๆ กลับกลายเป็นผู้แพ้ในท้ายที่สุด
สงครามระหว่างผู้ให้บริการเว็บเบราว์เซอร์ มีเรื่องราวเป็นอย่างไร
แล้วตอนจบ ใครเป็นผู้ชนะ ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
จุดเริ่มต้นของมหากาพย์ ต้องย้อนกลับไปเมื่อปี 1993
เว็บเบราว์เซอร์หลายเจ้า ถูกคิดค้นขึ้นและนำมาใช้กันแพร่หลาย และถือเป็นประตูบานสำคัญ ที่ทำให้มนุษย์ได้รู้จักกับโลกออนไลน์
ในขณะนั้น เว็บเบราว์เซอร์ที่ได้รับความนิยมมากสุด คือ “Mosaic” ซึ่งพัฒนาโดยศูนย์การประยุกต์ใช้ซูเปอร์คอมพิวเตอร์แห่งชาติ ของสหรัฐอเมริกา
ต่อมา ก็มีหลายบริษัทขอซื้อลิขสิทธิ์ของ Mosaic ไปสร้างเป็นเว็บเบราว์เซอร์ของตัวเอง โดยหนึ่งในนั้น คือ บริษัท Netscape Communications Corporation ของคุณ Marc Andreessen ซึ่งปัจจุบันเป็นนักลงทุนชื่อดังของวงการ Venture Capital
เว็บเบราว์เซอร์ของ Netscape มีชื่อว่า “Netscape Navigator” ซึ่งได้รับความนิยมในทันที เพราะใช้งานง่าย และแสดงผลการค้นหาได้ดีกว่าเจ้าอื่น ทำให้บริษัทยึดครองส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 80% ในช่วงปี 1995
ความสำเร็จดังกล่าว ทำให้ Netscape สามารถจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ได้ แม้เพิ่งก่อตั้งมาเพียงปีเดียว และยังถือเป็นการ IPO ที่มีมูลค่าสูงสุดของตลาดในเวลานั้นอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม การเติบโตของอุตสาหกรรมอินเทอร์เน็ต ก็ดึงดูดให้ผู้เล่นรายใหญ่อย่าง “Microsoft” เข้ามาสู่ธุรกิจเว็บเบราว์เซอร์ จนเกิดเป็นเหตุการณ์ที่เรียกว่า “สงครามเว็บเบราว์เซอร์ครั้งที่ 1”
หลังจาก Netscape เข้าตลาดหลักทรัพย์ได้ 15 วัน บริษัท Microsoft ก็เปิดตัวเว็บเบราว์เซอร์ ชื่อว่า “Internet Explorer”
เนื่องด้วย Microsoft เป็นบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ ที่มีเงินทุนจากการขายซอฟต์แวร์ จึงทำให้สามารถทุ่มทรัพยากรเพื่อพัฒนา Internet Explorer จนมีฟีเชอร์ก้าวตาม Netscape ทัน ภายในเวลาไม่นาน
และในปี 1997 ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของสงคราม เมื่อ Microsoft ตัดสินใจผูกโปรแกรม Internet Explorer ไว้เป็นเว็บเบราว์เซอร์เริ่มต้นของระบบปฏิบัติการ Windows แบบฟรี ๆ
หมายความว่า คนที่ซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows ไปใช้ จะกดเข้า Internet Explorer ได้ทันที ไม่ต้องเสียเวลาไปดาวน์โหลดหรือหาซื้อเว็บเบราว์เซอร์ใหม่
ซึ่งขณะนั้น Windows ครองส่วนแบ่งตลาดระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์กว่า 90% ส่งผลให้การใช้งาน Internet Explorer เพิ่มขึ้นรวดเร็วมาก
จนในปี 2002 Netscape Navigator ก็มีส่วนแบ่งตลาดน้อยมาก
จากข้อมูลของ TheCounter.com
Internet Explorer ส่วนแบ่งตลาด 93.9%
Netscape Navigator ส่วนแบ่งตลาด 2.3%
บทสรุปของสงครามเว็บเบราว์เซอร์ครั้งที่ 1 ผลปรากฏว่า Microsoft เป็นผู้ชนะอย่างเด็ดขาด..
ส่วนผลการดำเนินงานของ Netscape ก็ถดถอยลง และตัดสินใจขายกิจการให้กับบริษัท America Online ในปี 1998 ก่อนที่จะหยุดให้บริการเว็บเบราว์เซอร์ ในเวลาต่อมา
ถึงแม้การต่อสู้ศึกนี้จบลงแล้ว แต่สงครามในสนามรบเว็บเบราว์เซอร์ ยังไม่ปิดฉากลงง่าย ๆ
พอไร้คู่แข่ง ดูเหมือนว่า Microsoft จะตายใจ และแทบไม่ได้พัฒนา Internet Explorer ต่อสักเท่าไร หลักฐานที่ชัดเจนคือ ระหว่างปี 2001-2006 มีการอัปเดตเบราว์เซอร์แค่เวอร์ชันเดียวเท่านั้น
แต่ความประมาทและความตายใจของ Microsoft นี่เอง ที่กลายเป็นช่องโหว่ขนาดใหญ่ ที่ทำให้เกิด “สงครามเว็บเบราว์เซอร์ ครั้งที่ 2”
เพราะหลังจาก Netscape พ่ายแพ้ พวกเขาก็ได้เปิดเผยข้อมูลโคดทิ้งไว้ ซึ่งต่อมา องค์กร Mozilla Foundation ได้นำเอาไปพัฒนาเป็นเว็บเบราว์เซอร์ตัวใหม่ ที่ชื่อว่า Mozilla Firefox หรือที่เรียกกันสั้น ๆ ว่า “Firefox”
Firefox ได้มุ่งเน้นพัฒนาบริการเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ต ที่เริ่มเบื่อหน่ายกับประสิทธิภาพการทำงานของ Internet Explorer
จึงทำให้ Firefox สามารถแสดงผลของเว็บไซต์รุ่นใหม่ได้ดีกว่า รวมทั้งเพิ่มฟีเชอร์ลูกเล่นให้กับเบราว์เซอร์อีกมากมาย ส่งผลให้คนเริ่มสนใจลองดาวน์โหลด Firefox ไปใช้งานแทน Internet Explorer
ส่วนแบ่งตลาดเว็บเบราว์เซอร์ ในปี 2009 จากข้อมูลของ StatCounter
Internet Explorer ส่วนแบ่งตลาด 60.1%
Firefox ส่วนแบ่งตลาด 30.5%
จะเห็นได้ว่า Firefox แย่งชิงผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตไปจาก Internet Explorer พอสมควร ถึงขนาดที่หลายฝ่ายมองว่าอาจถึงขั้นแซงขึ้นเป็นเจ้าตลาด
แต่มันก็ไม่ทันได้เกิดขึ้น..
เพราะสงครามครั้งนี้ ยังมีตัวละครอื่นเข้าร่วมวงต่อสู้อีก
ซึ่งตัวละครใหม่ที่ว่า นั่นก็คือ “Google”
Google เป็นเจ้าตลาดเซิร์ชเอนจิน และมีผลิตภัณฑ์ออนไลน์อื่น ๆ มากมาย ซึ่งมีความต้องการจะเสริมความแข็งแกร่งให้กับระบบนิเวศบริษัทเพิ่มเติม จึงได้พัฒนาและเปิดตัวเว็บเบราว์เซอร์ ชื่อว่า “Google Chrome” ขึ้นมา และเริ่มเปิดให้ใช้งานในปี 2008
เมื่อเป็นเช่นนี้ ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ต จะสามารถใช้บริการทุกอย่างของ Google ผ่านเบราว์เซอร์ Google Chrome ได้อย่างสะดวกสบายและครบวงจรในที่เดียว
รวมทั้ง Google ยังมีความพร้อมด้านทรัพยากรและเงินทุน ที่สนับสนุนให้ทีมงานมีการอัปเดตฟีเชอร์ใหม่ ๆ ของเบราว์เซอร์ อยู่ตลอดเวลา จนรายอื่นเริ่มขยับตามได้ยาก
ด้วยเหตุนี้ ฐานผู้ใช้งาน Google Chrome จึงเติบโตแบบก้าวกระโดด และแซงหน้าขึ้นมาครองส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 นับตั้งแต่ปี 2012 เป็นต้นมา
นอกจากนั้น ในยุคสมาร์ตโฟน ผู้เล่นอีกรายหนึ่งที่มาแรง คือ “Apple”
ในช่วงหลัง พฤติกรรมการใช้งานอินเทอร์เน็ต เปลี่ยนไปอยู่บนสมาร์ตโฟนและแท็บเล็ตมากขึ้น ซึ่ง Apple ถือเป็นผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
ส่งผลให้เว็บเบราว์เซอร์ที่มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ iOS ของตัวเครื่อง อย่าง “Safari” ถูกเปิดใช้งานเพิ่มขึ้นตามไปด้วยนั่นเอง จนสามารถก้าวขึ้นมามีส่วนแบ่งตลาดอันดับ 2 ตั้งแต่ช่วงปี 2015
แล้วในปัจจุบัน สถานการณ์ของสงครามนี้ เป็นอย่างไร ?
ส่วนแบ่งตลาดเว็บเบราว์เซอร์ เดือนพฤษภาคม ปี 2021 จากข้อมูลของ StatCounter
- Google Chrome ส่วนแบ่งตลาด 64.8%
- Safari ส่วนแบ่งตลาด 18.4%
- Firefox ส่วนแบ่งตลาด 3.3%
- Internet Explorer ส่วนแบ่งตลาด 0.6%
เราคงพอสรุปได้ว่า Google Chrome คือผู้คว้าชัยชนะ ของสงครามเว็บเบราว์เซอร์ ในตอนนี้
ในขณะที่ ผู้ยิ่งใหญ่ในอดีตอย่าง Internet Explorer ได้สูญเสียความสามารถในการแข่งขันไปแล้ว ซึ่งทำให้ Microsoft เตรียมยกเลิกโปรแกรมในเดือนมิถุนายน ปี 2022 และมุ่งพัฒนาเบราว์เซอร์รุ่นใหม่ ชื่อว่า “Microsoft Edge” ขึ้นมาแทน
นี่คงเป็นแง่คิดที่ดีว่า การเป็นผู้ชนะนั้นยากแล้ว แต่การรักษาตำแหน่งผู้ชนะอาจเป็นเรื่องที่ยากยิ่งกว่า
เพราะเมื่อไรที่เราหยุดพัฒนา ก็อาจพลิกมาเป็นผู้แพ้ในสักวัน จนไม่มีโอกาสแก้ตัวใหม่ ก็เป็นได้..
ปิดท้ายด้วยประเด็นที่หลายคนอาจสงสัยว่า
Google Chrome กับ Safari ที่ดูเหมือนเป็นคู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อกันที่สุดในตอนนี้ ความจริงแล้วเขาทั้งสอง เป็นพันธมิตรกันในบางส่วน
เพราะในทุก ๆ ปี Google ตกลงยอมจ่ายเงินมหาศาลให้กับ Apple เพื่อขอให้ Google เป็นเว็บไซต์ค้นหาเริ่มต้นบนเบราว์เซอร์ Safari
โดยในปี 2021 คาดว่าค่าใช้จ่ายในส่วนนี้จะอยู่ที่ประมาณ 4.9 แสนล้านบาท
ถ้าถามถึงเหตุผล ก็คงเป็นเพราะ Google ให้ความสำคัญกับการครองส่วนแบ่งตลาดเซิร์ชเอนจินมากกว่า เรื่องเบราว์เซอร์ เพราะตัวสร้างรายได้ให้ Google จะอยู่ที่เซิร์ชเอนจินเป็นหลัก
Google อยากได้แทรฟฟิกการค้นหาข้อมูลเบราว์เซอร์ Safari เพื่อปิดประตูไม่ให้ผู้เล่นรายอื่น เข้ามาแย่งส่วนแบ่งตลาดเซิร์ชเอนจินไป ถึงแม้จะรู้ว่า ทำให้มีคนใช้งาน Safari เพิ่มมากขึ้นก็ตาม
ส่วนฝั่ง Apple คงเลือกรับเงินดีกว่า เพราะอย่างไร คนส่วนใหญ่ก็จะเข้า Safari แล้วไปค้นหาใน Google อยู่ดี
ซึ่งอาจพอตีความได้ว่า ตอนนี้ทั้งคู่เลือกที่จะอยู่ร่วมกันบนโลกออนไลน์ แบบเป็นพันธมิตรกัน มากกว่าทำสงคราม แล้วต้องมีใครสักคนบาดเจ็บหนัก..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://acodez.in/browser-wars/
-https://en.wikipedia.org/wiki/Browser_wars
-https://en.wikipedia.org/wiki/Usage_share_of_web_browsers
-https://gs.statcounter.com/browser-market-share#monthly-201201-202105
-https://www.reuters.com/technology/microsoft-unplug-internet-explorer-it-seeks-edge-browser-war-2021-05-20/
-https://9to5mac.com/2021/08/25/analysts-google-to-pay-apple-15-billion-to-remain-default-safari-search-engine-in-2021/
同時也有7部Youtube影片,追蹤數超過75萬的網紅志祺七七 X 圖文不符,也在其Youtube影片中提到,✔︎ 成為七七會員(幫助我們繼續日更,並享有會員專屬福利):https://bit.ly/3eYdLKp ✔︎ 訂閱志祺七七頻道: http://bit.ly/shasha77_subscribe ✔︎ 追蹤志祺IG :https://www.instagram.com/shasha77.daily...
「netscape」的推薦目錄:
- 關於netscape 在 ลงทุนแมน Facebook 的精選貼文
- 關於netscape 在 矽谷牛的耕田筆記 Facebook 的精選貼文
- 關於netscape 在 Facebook 的最佳貼文
- 關於netscape 在 志祺七七 X 圖文不符 Youtube 的精選貼文
- 關於netscape 在 果籽 Youtube 的最佳解答
- 關於netscape 在 KINUKURO Youtube 的精選貼文
- 關於netscape 在 What happens when you try to use Netscape 7.0 Today? 的評價
- 關於netscape 在 Netscape in JavaScript returns an error in the browser's console 的評價
netscape 在 矽谷牛的耕田筆記 Facebook 的精選貼文
ref: https://blog.mozilla.org/en/internet-culture/deep-dives/why-are-hyperlinks-blue/
本篇是一個歷史科普文,幫大家介紹為什麼瀏覽網頁內的超連結會是藍色的?
千萬不要想到超連結就覺得一定是 Netscape,從本文的歷史角度來看 Netscape 連前五都不算呢
作者從 2001 年就開始撰寫網頁,一直以來都沒有去思考為什麼超連結是藍色的,直到朋友某天的詢問才讓頓時傻住
這個自己視為理所當然的東西實際上必定也是某個發明,是什麼時候被決定的?誰決定的?為什麼決定是藍色的?
與同事一起找尋的結果是 Marc Andreessen and Eric Bina 於 01/23/1993
所發佈的 Mosaic(馬賽克) 瀏覽器是第一套提供藍色超連結功能的瀏覽器。
時間點來看的話
1. 1964 Project Xanadu 是第一個嘗試透過實體連結將兩個頁面的系統
2. 1987 第一套瀏覽器 WWW 誕生
3. 1993 第一個使用基於藍色的超連結瀏覽器出現
4. 2016 Google 開始嘗試將超連結顏色改到黑色
研究出這些歷史痕跡後,作者依然對於為什麼是藍色這件事情沒有著落
很多人都說因為對比色的緣故,所以超連結選則藍色。
作者認為 W3C 直到 1994 才出現,所以那之前所謂的標準都還沒有被定義,此外從對比的角度來看,藍色與黑色的對比程度是2.3:1,實際上也不是說多好。
作者後面從不同角度去思考出一個結論
1. Cello/Mosaic 假設它們的設計都受到該年代 UI 設計潮流的影響
2. 該年代是 Windows 3.1 崛起的日子,而 Windows 3.1 也是第一個重度使用藍色作為選擇色的系統(網頁中有展示 windows 3.1 中很多選擇都會呈現藍色)
3. 隨者支援色彩的電腦螢幕普及,Mosaic 也一起受歡迎,使用藍色的超連結逐漸變成一個習慣,因此此後的 IE/Netscape 等也就沿用這個藍色的設計。
對於歷史考古文有興趣的可以詳細閱讀全文
netscape 在 Facebook 的最佳貼文
Bản lĩnh là thứ giúp con người ta vượt qua khó khăn, thử thách; đứng dậy sau những vấp ngã trong công việc và cuộc sống.
Phàm là dân văn phòng, chắc hẳn ai cũng ít nhất một lần nếm trải những xúc cảm đớn đau đến từ sự thất bại. Chẳng ai có thể hoàn thành công việc một cách hoàn hảo trong lần đầu tiên, cho nên sự thất bại là một yếu tố vô cùng hiển nhiên.
Chúng ta vẫn thường được nghe, "thất bại là mẹ thành công". Bấy nhiêu đó đủ đế thấy, để đạt đến thành công, chúng ta cần thất bại như thế nào. Tuy nhiên, sẽ là vô ích nếu chúng ta không biết cách thất bại và thất bại một cách bị động.
Bởi lẽ, đằng sau thất bại là những bài học, những kinh nghiệm để chúng ta trưởng thành hơn mỗi ngày. Và để có thể đứng lên sau những thất bại, chúng ta cần lắm thứ được gọi là bản lĩnh. 'Thất bại' không thể làm mẹ 'thành công' nếu không có người bố 'bản lĩnh'.
Câu chuyện đi lên từ sự thất bại của huyền thoại Ben Horowitz chắc chắn sẽ là minh chứng rõ nét nhất, truyền thêm cảm hứng và niềm tin để anh chị em văn phòng vượt qua những khó khăn, thất bại trong công việc.
Ben Horowitz được sinh ra tại London vào năm 1966, không lâu sau thì gia đình ông chuyển đến Berkley, California sinh sống. Đến năm 1990, Ben 24 tuổi đã lấy bằng Cử nhân Khoa học Máy tính của Đại học Colombia và bằng Thạc sĩ Khoa học Máy tính từ UCLA trước khi chuyển đến Thung lũng Silicon.
Công việc đầu tiên sau khi tốt nghiệp của ông là làm kỹ sư tại Silicon Graphics, nhưng chỉ bốn năm sau, ông đã gia nhập sang Marc Andreessen với tư cách là một trong những người quản lý sản phẩm đầu tiên của Netscape.
Sau đó, ông nhanh chóng vươn lên vị trí Phó chủ tịch và Tổng giám đốc, Horowitz đã tạo ra doanh thu hơn 100 triệu đô la vào thời điểm Netscape được AOL mua lại (1998), giúp ông trở thành Phó chủ tịch của Bộ phận eCommerce (thương mại điện tử) của họ.
Nhưng rồi một năm sau, ông đã quyết định rẽ sang một nhánh khác khi cùng với Marc Andreessen và hai người khác (Tim Howes và In Sik Rhee) đồng sáng lập ra Loudcloud – nhà cung cấp dịch vụ được quản lý mà ngày nay chúng ta gọi nó là nhà cung cấp dịch vụ đám mây. Loudcloud khi ấy đã thu hút được một số vị khách béo bở như Nike, Ford Motor Company và Quân đội Hoa Kỳ…
Nhưng đó không phải là một chuyến đi dễ dàng, Horowitz đã phải nếm trải những nỗi đau trên đoạn đường đầy chông gai ấy khi lĩnh vực công nghệ đang vật lộn với sự sụp đổ từ vụ "dot-com crash" năm 2000 và khách hàng của Loudcloud lần lượt bị phá sản. Chỉ sau ba năm Loudcloud được thành lập, Horowitz đã đưa ra quyết định vô cùng khó khăn nhưng ông cho là tốt nhất trong thời điểm hiện tại là chuyển trọng tâm kinh doanh của mình, bắt đầu bằng việc bán dịch vụ quản lý cốt lõi của Loudcloud cho Electronic Data Systems với giá 63,5 triệu đô la.
Và rồi sau đó chuyện gì đã xảy ra tiếp? Thay vì chấm dứt tất cả trên mặt trận khởi nghiệp, Horowitz đã chuyển đổi những gì còn lại của Loudcloud thành Opsware – một nhà cung cấp phần mềm trung tâm dữ liệu tự động hóa.
Ông đã xoay sở để điều khiển công ty Opsware của mình vượt qua rất nhiều trở ngại và tiếp tục bán nó cho Hewlett-Packard chỉ 5 năm sau đó với số tiền 1,65 tỷ đô la. Quyết định dũng cảm của ông ấy để thay đổi cuối cùng đã được đền đáp.
Sau đó, ông và Marc Andreessen đã tự tạo ra cơ hội tiếp theo bằng cách cùng nhau nghĩ ra ý tưởng cho Andreessen Horowitz – một công ty đầu tư vốn với mục tiêu đầu tư và tư vấn cho cả những công ty khởi nghiệp trẻ và cả những công ty công nghệ cao cũng như chia sẻ những gì Horowitz đã học được trên hành trình lập nghiệp của mình
Kể từ đó, Horowitz đã thu hút được một đội ngũ công ty hùng hậu như Facebook, Twitter, Pinterest, AirBnB, Groupon, Instagram và Skype. Điều ấn tượng hơn nữa là số tiền mà Horowitz kiếm được từ việc đầu tư vào một số công ty công nghệ lớn nhất thế kỷ 21 không phải để ông bỏ túi cho riêng mình mà để ông cùng với Andreessen cam kết quyên góp ít nhất một nửa số tài sản cho đầu tư vốn từ thiện.
Ben Horowitz không tự nhiên mà trở thành một nhà đầu tư, CEO tài năng và giàu có. Có thể thấy, cuộc đời ông trải qua vô vàn những khó khăn và thử thách. Tuy nhiên, sau mỗi lần vấp ngã là một lần đứng lên, mạnh mẽ và mãnh liệt hơn trước. Để làm được điều này, bản lĩnh là nhân tố nòng cốt.
Đối với dân văn phòng cũng thế, sau mỗi lần thất bại, chúng ta có quyền gục ngã và có quyền chôn chân tại chỗ. Nhưng cuộc đời rộng dài, chúng ta chẳng thể sống mãi trong những sai lầm và thất bại của quá khứ. Đứng lên và trưởng thành mạnh mẽ sau thất bại là minh chứng sắc nét nhất cho bản lĩnh của mỗi cá nhân.
Nguồn: Cafef
netscape 在 志祺七七 X 圖文不符 Youtube 的精選貼文
✔︎ 成為七七會員(幫助我們繼續日更,並享有會員專屬福利):https://bit.ly/3eYdLKp
✔︎ 訂閱志祺七七頻道: http://bit.ly/shasha77_subscribe
✔︎ 追蹤志祺IG :https://www.instagram.com/shasha77.daily
✔︎ 來看志祺七七粉專 :http://bit.ly/shasha77_fb
✔︎ 如果不便加入會員,也可從這裡贊助我們:https://bit.ly/support-shasha77
(請記得在贊助頁面留下您的email,以便我們寄送發票。若遇到金流問題,麻煩請聯繫:service@simpleinfo.cc)
#IE #瀏覽器 #時代的眼淚
各節重點:
00:00 前導
01:10 IE的誕生
02:03 第一次瀏覽器大戰:勢不兩立
03:40 IE的獨霸年代
05:10 第二次瀏覽器大戰:異軍突起
06:18 IE的終局之戰
07:25 下一個瀏覽器之王
08:26 我們的觀點
09:14 提問
09:28 結尾
【 製作團隊 】
|企劃:品維
|腳本:品維
|編輯:土龍
|剪輯後製:Pookie
|剪輯助理:歆雅、珊珊
|演出:志祺
——
【 本集參考資料 】
→Browser wars:https://bit.ly/3clfbOZ
→History of Internet Explorer:https://bit.ly/33Os0Ob
→Road to Mac OS X Leopard: Safari 3.0:https://bit.ly/32TlJkI
→Apple's Safari browser turns 13 years old today:https://bit.ly/2ZYe8iW
→Internet Explorer for Mac:https://bit.ly/3kDBUbZ
→History of Safari:https://bit.ly/33SdRiG
→10 Reasons Why You Should Switch to Opera Browser Right Now:https://bit.ly/32RCbSN
→How we got from 1 to 162 million websites on the internet:https://bit.ly/2ZYEIc5
→Tales from the Browser wars: Mozilla stomps Internet Explorer:https://bit.ly/32Q3dK3
→How Chrome Won The War of The Browsers [Infographic]:https://bit.ly/3mGBgMT
→Why is internet explorer so slow?:https://bit.ly/361mytR
→告別 IE 瀏覽器前奏響起,Microsoft 365 明年停止支援 Internet Explorer 11:https://bit.ly/3hULQfz
→準備走入歷史,微軟確認今年11月底開始終止支援Internet Explorer 11瀏覽器:https://bit.ly/3iTBZYK
→從Netscape/IE對立、Chrome/Firefox反目成仇到今日的百家爭鳴:瀏覽器的春秋戰國與網路演變:https://bit.ly/3kBEf7q
→網頁瀏覽器簡史_mozilla:https://mzl.la/33Ruf34
→【果言科技】 Netscape :曾經的瀏覽器霸主,是如何衰落的?:https://bit.ly/35YgqCw
→Opera 浏览器对比 Chrome、火狐、IE 等优势何在?:https://bit.ly/35VFjif
→2020年五款最速、最安全的網路瀏覽器推薦:https://bit.ly/2FQS4jt
→瀏覽器之戰:目前 Chrome 統治整個網路世界:https://bit.ly/3mF98tn
→為了保護私隱,上網該用 IE、Firefox?:https://bit.ly/2RKVUxb
→瀏覽器性能大比拚!結果 Chrome 只贏一場、冠軍出乎意料:https://bit.ly/35YQ8QU
→Brave瀏覽器:https://bit.ly/3mHp6Ds
→Vivaldi瀏覽器官方網站:https://bit.ly/3iTWhkW
→How Microsoft lost the Browser Wars :https://bit.ly/2ZW6DcE
【 延伸閱讀 】
→工程師自爆:為讓 Internet Explorer 6 衰退,YouTube 前員工動手腳:https://bit.ly/2FT2Khj
\每週7天,每天7點,每次7分鐘,和我們一起了解更多有趣的生活議題吧!/
🥁七七仔們如果想寄東西關懷七七團隊與志祺,傳送門如下:
106台北市大安區羅斯福路二段111號8樓
🟢如有業務需求,請洽:hi77@simpleinfo.cc
🔴如果影片內容有誤,歡迎來信勘誤:hey77@simpleinfo.cc
netscape 在 果籽 Youtube 的最佳解答
有25年歷史的瀏覽器Internet Explorer(IE),將於今年開始逐步告別大家。IE的輝煌時期近乎壟斷整個瀏覽器市場,每100人中就有95人使用,大家對這個集體回憶有幾多認識?
微軟最近宣佈,Microsoft Teams、OutLook、OneDrive等服務,將逐步放棄支援IE,也間接宣佈IE進入生命最後的階段。
回顧IE的歷史,其實就是「瀏覽器大戰」(Browser War)的歷史,它誕生不久就引發第一次大戰。IE於1995年8月面世,開發目的就是想打敗當時市佔70%的瀏覽器龍頭Netscape Navigator,而IE 1其實是需要購買49美元Windows 95 Plus!擴展功能包才能用。早期IE的開發很進取,兼容性高,速度也不俗,用家評價佳。
1999年,IE捆綁於Windows 98中,成為Windows不可分割的一部份,市佔率也因此急升,在2002和2003年達到95%佔有率,近乎完全壟斷瀏覽器市場,IE也就成為第一次瀏覽器大戰的贏家。
果籽 :as.appledaily.com
籽想旅行: travelseed.hk
健康蘋台: applehealth.com.hk
動物蘋台: applepetform.com
相關影片:
【香港職人】手袋神醫甩皮甩骨都救翻生 改短皮帶收$700:世上無嘢整唔到! (果籽 Apple daily) (https://youtu.be/JlYWNeg5Vxw)
【採耳師】25歲港女採耳師棄教職赴台灣讀採耳課程 記者實試:「第一次清晒耳屎的感覺,好爽」 (果籽 Apple Daily) (https://youtu.be/8uvIzhfy3hI)
【重案解密】前G4長七洪立明任李澤楷「小小超」保鑣逾十年 暗戰張子強 :隨時冇命收工 (壹週刊 Next) (https://youtu.be/tBNL8NP5-H4)
【6億身家奉獻徐濠縈】Eason停工侍妻女 幫阿徐抹鼻做跑腿 疫市賺少半億(壹週刊 Next)(https://youtu.be/EYsm9v8VSvc)
【灣仔燒味老字號】17歲做大廚 自立門戶35年 油雞酒味濃 老闆:好做嘅食物唔會好食(飲食男女 Appledaily) (https://youtu.be/svAF8pKszw0)
【深水埗兩餸飯】59歲大叔賣$32兩餸飯 月派100份送長者 由台灣派到香港:受過港人恩惠想回饋 (飲食男女 Appledaily) (https://youtu.be/kyvNU86ntio)
【再現幕前零走樣】鄧上文生3個囝囝未夠數 計劃領養變六口之家 (蘋果日報 Appledaily) (https://youtu.be/umTq9XNR6sA)
【頭條動新聞】Ep.4 林鄭月娥一個星期被放棄兩次有咩感受 (蘋果日報 Appledaily) (https://youtu.be/TulvTCk2ZQ4)
#科技新G #果籽 #IE #微軟 #OneDrive #StayHome #WithMe #跟我一樣 #宅在家
netscape 在 KINUKURO Youtube 的精選貼文
*打開聊天室,可重溫玩家們對首播的反應
*有關何謂TRPG、COC,請見說明文最後
*使用數位語音混剪實際/事後錄音
TRPG播放清單:https://www.youtube.com/playlist?list=PL8dvi39xPsnndjbjOu-rULn5H5iOCdw28
遊戲 桌上角色扮演遊戲(克蘇魯的呼喚):暗い森で眠らせて
原作 内山靖二郎
鬼怒川改編後名稱 此處無葡萄
假KP=假守密人 鬼怒川
PL=玩家 尚雅 漢堡 優颯 芝宇
角色圖線稿 溪哥
https://www.plurk.com/g0987655
角色圖上色 香魚
背景圖 Pixabay Unsplash
動畫 鬼怒川
音效 OtoLogic
人聲實錄:
音樂 Audio Library
––––––––––––––––––––––––––––––
Sheriff by SIRPRICE https://soundcloud.com/sirpricedj
Creative Commons — Attribution 3.0 Unported— CC BY 3.0
Free Download / Stream: https://bit.ly/sheriff-sirprice
Music promoted by Audio Library https://youtu.be/hosHwsqIqj8
––––––––––––––––––––––––––––––
The House of Leaves by Kevin MacLeod http://incompetech.com
Creative Commons — Attribution 3.0 Unported — CC BY 3.0
Free Download / Stream: https://bit.ly/the-house-of-leaves
Music promoted by Audio Library https://youtu.be/iTrw97ym_oo
––––––––––––––––––––––––––––––
Music: Solo Cello Passion - Doug Maxwell, Media Right Productions https://youtu.be/yMRDC_nFFaQ
––––––––––––––––––––––––––––––
Corncob by Kevin MacLeod http://incompetech.com
Creative Commons — Attribution 4.0 International — CC BY 4.0
Free Download / Stream: https://bit.ly/_corncob
Music promoted by Audio Library https://youtu.be/o8IiIiqP98I
––––––––––––––––––––––––––––––
Music: Run - Ethan Meixsell https://youtu.be/LUdr5PMLSS0
––––––––––––––––––––––––––––––
The Things That Keep Us Here by Scott Buckley https://soundcloud.com/scottbuckley
Creative Commons — Attribution 3.0 Unported — CC BY 3.0
Free Download / Stream: http://bit.ly/things-that-keep-us
Music promoted by Audio Library https://youtu.be/SUkUjsr1FqM
––––––––––––––––––––––––––––––
Music: Sea Of Doom - Doug Maxwell, Media Right Productions https://youtu.be/PNYGxRrVZmo
––––––––––––––––––––––––––––––
Harmful or Fatal by Kevin MacLeod http://incompetech.com
Creative Commons — Attribution 4.0 International — CC BY 4.0
Free Download / Stream: https://bit.ly/harmful-or-fatal
Music promoted by Audio Library https://youtu.be/xZOdHmlcT-o
––––––––––––––––––––––––––––––
The Netscape by Muciojad https://soundcloud.com/muciojad
Creative Commons — Attribution-ShareAlike 3.0 Unported— CC BY-SA 3.0
Free Download / Stream: https://bit.ly/the-netscape_
Music promoted by Audio Library https://youtu.be/96Wn5xtEyIY
––––––––––––––––––––––––––––––
TRPG:
https://zh.wikipedia.org/wiki/%E6%A1%8C%E4%B8%8A%E8%A7%92%E8%89%B2%E6%89%AE%E6%BC%94%E9%81%8A%E6%88%B2
COC:
https://zh.m.wikipedia.org/zh-tw/克蘇魯神話
#克蘇魯神話 #跑團 #TRPG #クトゥルフ
netscape 在 What happens when you try to use Netscape 7.0 Today? 的推薦與評價
This was pretty interesting, seeing Winamp, RealPlayer and all these old apps being installed along with ... ... <看更多>