ใครดูเรื่องนี้บ้าง
รัก แต่ง เลิก ใน Netflix
เนื้อเรื่องคือ
มีผู้หญิง 3 คน ทำงานด้วยกัน มีสามีหมดทุกคน แต่พวกสามีของพวกนาง มีชู้ ประเด็นเด็ด 7 สี คือ ชู้ทั้ง 3 คน เป็นเพื่อนกัน งงไปเลยค่ะ 55555 #ช่อง7 มากแม่
แล้วมีคู่หนึ่ง ครอบครัวอบอุ่น หน้าที่การงานดี ผัวมีเมียน้อย แต่ประเด็นคือ แม่เลี้ยง นางอยากได้ลูกชายตัวเองที่แต่งงานแล้ว ถึงขั้นวางแผนฆ่าผัวตัวเอง แล้ว นางก็อ่อยสุด คันกีสุด 55555 ขนาดเป็นแม่เลี้ยงนะ โอ้ยจะบ้าตาย อยากได้ลูกชายไปอีก
ดูเรื่องนี้ได้ข้อคิดเดียว อย่าไว้ใจผู้ชาย คบมานานแค่ไหนก็นอกใจได้ อย่าประมาท
ผู้ชายบางคน ตอนอยู่กับเรา ไม่เคยดูแลเรา เราทำให้ทุกอย่าง ใช้งานเราเก่ง แต่พอมีคนใหม่ ไปทำให้เขาได้หมด ดูแลทุกอย่างได้หมด อีควาย 555
ผู้ชายบางคน เหมือนจะดีมาก แต่ก็นอกใจได้อยู่ดี อาชีพดีแค่ไหน ก็นอกใจได้ อย่าไปไว้ใจใคร หมอ อาจารย์ ทนาย ก็นอกใจได้หมด
「ทนาย คือ」的推薦目錄:
ทนาย คือ 在 Aten Arnon: เอเท็น อานนท์ Prince of Marketing Facebook 的最佳貼文
ถ้าขายดีอยู่แล้ว
ก็ไม่จำเป็นต้องทำOnlineก็ได้?
สำหรับพี่น้องที่ทำธุรกิจ เจ้าของกิจการ
หรือ
เป็นฟรีแลนซ์ หมอ ทนาย หรืออาชีพอิสระ
ที่ต้องหาลูกค้า
และยังไม่ได้ทำonline
หรือทำonline แล้ว
แต่ยังไม่ได้ focusเต็มที่
หรือคิดว่ามันไม่จำเป็น
หรือไว้เดี๋ยวค่อยทำก็ได้
ผมอยากให้ฟังเรื่องนี้
มันอาจจะทำให้พี่น้องลุกขึ้นมาทำอะไรบางอย่างเลยทันทีหลังอ่านจบ
แล้วเปลี่ยนชีวิตได้หลังจากปรับตามconcept
เหมือนกับที่ผมได้เคยแชร์เรื่องนี้
ให้กับพี่น้องหลายคนไปแล้ว
เค้าโตขึ้นจากเดิมแทบจะทันที
———
แต่ก่อนที่จะcomcept
ผมอยากเล่าเรื่องนึงก่อน
ช่วงตลอด4-5ปีที่ผ่านมา
ผมได้รับคำถาม
ประมาณว่า
ถ้าหน้าร้านขายดีอยู่แล้ว
ก็ไม่จำเป็นต้องทำOnline
ก็ได้รึเปล่า?
—————หรือ
“ก็คนยังซื้อของๆเค้าเยอะอยู่
ตอนนี้ยังไม่จำเป็นต้องทำไหม?”
*————————
มันเลยทำให้ผมนึกถึงก่อนหน้านั้นตลอด4-5ปีที่ผ่านมา
ตั้งแต่เปิดเพจใหม่ๆ
ที่เคยมีคนใกล้ตัวถามคำถามนี้กับผม
ที่เค้าพูดว่า
ลูกค้าเยอะอยู่
ยังไม่ต้องทำonlineก็ได้มั้ง
แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นตลอด4-5ปีที่ผ่านมาคือ
ธุรกิจหลายคนพังหรือเกือบพัง
หลายคนงงลูกค้าที่เคยมา
มีหน้าใหม่แวะมาเรื่อยๆ
แต่วันนี้กลับหายไปเรื่อยๆ
ทั้งหน้าเก่า
และหน้าใหม่แทบไม่มีมา
—————
ต้องบอกว่า
การที่ผมได้รู้ว่าเรื่องนี้
มันเป็นเคสที่
ธุรกิจหลายคนมีปัญหาเยอะเลย
เพราะว่ามีพี่น้อง
ที่ติดต่อเข้ามาPrivate กับผม
จนผมได้พูดคุยกับเค้า
และ
แนะนำบางอย่างที่สำคัญไป
สิ่งนึงที่พวกเค้าพูดกับผม
กลับมาแทบจะทันที
หลังจากPrivateกัน
เค้าก็พูดหลังคุยกับเสร็จว่า
ขอบคุณมากเลยคุณเอ
ทางสว่างเลยวันนี้
ที่ผ่านมาทั้งชีวิตมองOnlineมีคนมาพูดเรื่องOnline
ไอ้เราก็คิดว่าเออก็ดีนะ
มันเป็นช่องทางหาลูกค้าเพิ่ม
แต่พอหลังคุยกัน1ชม
หลังPrivateกัน
รู้ตัวเลยว่าที่ผ่านมาเข้าใจเรื่องนี้แบบผิวเผินมาก
เลยทำให้ธุรกิจที่ทำต้อง
พลาดโอกาสโต
และต้องเสียลูกค้าไปมหาศาลในช่วงที่ผ่านมา
--------
สมัยก่อนเนี่ย
ดันไปเข้าใจว่าOnline
มันเป็นแค่อีก1ช่องทางเสริม
ที่ควรทำ ที่น่าทำ
ไอ้เราก็คิดว่า
ก็ไม่เป็นไรนิ
เรามีจุดแข็งคือ offline
ยังไงถ้าลูกค้าอยากได้
เค้าก็เดินมาหา
บริการดีๆเค้าก็แนะนำต่อ
ร้านก็ขายดี
ธุรกิจมันเป็นแบบนี้ตั้งแต่รุ่นพ่อรุ่นแม่แล้ว
พอคนมาบอกเรื่องOnlineอะไรก็เลยไม่ได้สนใจมาก
———
แต่พอวันนึงที่ลูกค้าเริ่มหายไป
คนหน้าใหม่เริ่มเข้ามาน้อยลง
จนผมเริ่มดูคลิปคุณเอหลายคลิป
จนเห็นว่ามันแหม่งๆละ
ธุรกิจที่ทำอยู่มัน
เริ่มเข้าเค้า
ธุรกิจที่กำลังจะมีปัญหาอะไรบางอย่าง
ก็เลยไม่ไหวละ
ตัดสินใจมาPrivate
และสิ่งที่คุณเอบอกผม
นี่คือจุดเปลี่ยนเลย
ผมเข้าใจเหตุผลทุกอย่างเลย
วันนี้เข้าใจแล้วว่า
Online แท้จริงแล้ว
มันไม่ใช่ช่องทางเสริม
มันไม่ใช่ทางเลือก
และKeyคือ....
“”””Online กับ Offline
มันไม่ใช่เรื่องแยกกันนะ
แต่มันเป็นเรื่องเดียวกัน100%เลย”””””
ที่จริงมันทำงานควบคู่กัน
-------------ผมบอกใช่
สมัยก่อน
ลองนึกถึง
ยุคก่อนOnline
ก่อนที่จะมีOnlineมีSocial
ที่ทุกคนไม่ได้มีมือถือที่search หาข้อมูลอะไรกันได้
คุณจะมีวิธีการซื้อแบบไหน?
1.ถูกกระตุ้นให้อยากได้
โดย ทีวีวิทยุ หนังสือ พิมพ์ โฆษณา
จริงไหม?
หรือ
ถูกใครกระตุ้นจำเป็นต้องใช้ ต้องซื้อ
ยกตัวอย่าง
สมมุติคุณคุณตาคุณยายคุณ
อยากจะได้เปล ที่นั่งหวาย
เค้าบอกคุณว่าอยากได้
แล้วคุณจะทำไง?
ย้อนกลับไปในยุคที่ไม่มีออนไลน์
จะทำยังไงถึงจะได้เปลหวายไปให้ตายายคุณ
เดินสุ่มไปหาตามร้านไหม?
ไปถามเพื่อน?
ถามพ่อ ถามแม่?
ถามไปเรื่อยๆ?
จนได้เบาะแส?
ถูกไหม?
แล้วก็จะได้เบาะแสมา
เฮ้ยเอ็งลองไปดูสำเพ็งสิ?
เฮ้ยลองไปตามร้านที่จตุจักสิ
แล้วคุณก็นั่งรถไป
ใช้เวลาทั้งวัน
เดิน
ต๊อกแต๊กๆๆๆๆๆ
ไปถึงร้าน
แล้วก็ซื้อถูกไหม?
ถ้าได้พนักงานดี
พูดจาถูกคอ
แนะนำดี
คุณก็ซื้อเลย
แต้ถ้าพนักงานพูดจาไม่ดี
แนะนำไม่ดี
คุณทำไง?
“คุณก็เดินไปร้านอื่น”
สมัยก่อนเป็นแบบนี้จริงไหม?
สมัยก่อนเราไปวัดกันหน้าร้านแบบนี้
อยากได้อะไร
หาเบาะแสว่ามีที่ไหนขาย
แล้วไปหาข้อมูลสินค้า
ไปถกกันหน้าร้านกับคนขาย
จริงไหม?
จะซื้อแอร์
จะซื้อทีวี
ตู้เย็น
วิทยุ
รถยนต์
สิ่งของเครื่องใช้
หรือจะใช้บริการอะไร
คุณเดินไปหาที่ร้าน
ในย่านในทำเลที่เค้าขายสินค้านั้นๆ
แล้วไปวัดกันหน้าร้าน
หรือไปหาข้อมูลต่อกันหน้าร้าน
ถ้าร้านไหน
คนขาย พนักงานขายเก่ง
โน้มน้าวเก่ง
แนะนำเราดี
บางทีเราเปลี่ยนจากอีกยี่ห้อนึงไปยี่ห้อนึงได้เลย
จริงไหม?
——————————แต่ปัจจุบัน
ตั้งแต่Onlineเข้ามามีอิทธิพล
หรือยุคปัจจุบันเนี่ยแหละ
คนเราเริ่มมีพฤติกรรมใหม่
และปัจจุบันเนี่ย
แทบจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว
คือ ....
1."เมื่อเราสนใจอะไรสักอย่างนึง"
ไม่ว่าคุณและผม
หรือ พี่ ป้า น้า อาของคุณ
หรือเพื่อนของคุณ
หรือ
คนที่ถือมือถือSmartphone เหมือนกับคุณ
เกิน90%ในยุคนี้ทำกัน
คือ.....
1.5“เค้าจะหาข้อมูลทางOnlineก่อน”
คือเวลาที่เค้าอยากได้อะไรสักอย่างแล้ว
เค้าจะทำStep1.5ก่อน
คือหาข้อมูลทั้งหมด
ก่อนที่
2.พุ่งตรงเดินไปหน้าร้านจริงๆ
และ3.ซื้อ
———————————เพราะฉะนั้น
1.คนในปัจจุบันวิ่งไปสุ่มๆ
ไปหน้าร้านเดินสุ่มๆ
แบบเมื่อก่อนอีกไหม?
แทบไม่แล้ว?
เหลือน้อยแล้วใช่ไหม
%ที่จะทำอะไรแบบนั้น
เพราะฉะนั้น
1 คือ
เราหาข้อมูลทางOnline
ไม่ได้ไปหาหน้าร้านแบบสมัยก่อนแล้ว
แทนที่จะไปเดินหาข้อมูลหน้าร้าน
ไปถามคนขายว่าอะไรดีกว่าอะไรครับเฮีย
ตัวไหนดีกว่าตัวไหนคะเจ้
ยุคนี้คุณsearchหาข้อมูลในมือถือคุณ
แล้วเปรียบเทียบ
จนคุณรู้ว่าคุณจะเอาตัวไหน
"ตั้งแต่ที่บ้านแล้ว"
ถูกไหม?
และ....
2.หลายครั้ง
ลองถามตัวเองดูนะ
หลายครั้งเราตัดสินใจ
วิเคราะห์ คัดเลือก
ที่จะซื้อกับร้านโน้น /ร้านนี้
ซื้อกับโชว์รูมนี้/ดีลเลอนั้น
หรือซื้อกับเซลคนนั้น คนนี้
“ตั้งแต่ตอนไหน????”
คำตอบคือ
“ตั้งแต่ที่บ้าน”
แล้วหลังจากนั้น
คุณก็แค่ตรงดิ่งไปที่ร้านเลย
ไปเห็นของจริง
ไปดูให้มั่นใจ/ถูกใจอีกที
หรือบางครั้ง
คุณก็รู้สึกมั่นใจ
แล้วก็สั่งทางOnlineกับเค้ามันซะเลย
ทุกอย่างจบprocess
ตั้งแต่ที่บ้านคุณ
เห็นภาพไหม?
คุณอยากได้อะไร
รถ นาฬิกา เสื้อผ้า รองเท้า
คอนโด ฟิตเนส เทรนเนอดูและหุ่นคุณ
ช่างภาพงานแต่งคุณ ช่างสักคิ้วคุณ
คลีนิคทำหน้า ศัยกรรม
จะเรียนภาษา หาร้านเพชร เครื่องประดับ
หมอเฉพาะทาง
ที่พัก บ้านเช่าโรงแรม รีสอร์ท
——————ไอ้อารมณ์ไปเดินสุ่มๆ
แล้วใช้เวลาเป็นวันๆ
ไล่สุ่มๆเดินตามร้านไปเรื่อยๆ
แล้วไปเจอร้านที่ถูกใจ
แล้วบอกแปะแนะนำหน่อย
เจ้แนะนำหน่อย
มันเริ่มไม่ค่อยเกิดขึ้นแล้ว
จริงไหม?
คุณลองดูพฤติกรรมของคุณสิ
ว่าเดี๋ยวนี้คุณเป็นแบบไหน?
จริงไหมที่คุณเริ่มเปลี่ยนมาสักระยะแล้ว?
หรือหลายคนก็เปลี่ยนไปอย่างถาวรแล้ว
จริงไหม?
----------ที่เวลา
1.คุณอยากจะได้อะไร
1.5คุณหาข้อมูลเสร็จสรรพว่าจะเอาแบบไหนตั้งแต่ทางOnline
และ...
2.คุณตัดสินใจเลือกร้าน แทบจะเรียบร้อยตั้งแต่บนOnline
แล้วทักinboxไปคุยก่อน ถามข้อมูล
แล้วหรือคุณก็พุ่งตรงไปดูของ
ไปซื้อของไปใช้บริการที่ร้านเลย
ในชีวิตปัจจุบัน
เราแทบจะไม่ได้ใช้วิธีการเดินสุ่ม
แล้วค่อยตัดสินใจเท่าไหร่แล้ว
90%ของการตัดสินใจของเรา
มันเป็นแบบนี้คือ...
คุณหาข้อมูลOnline
คุณตัดสินใจ
และ
“คุณพุ่งตรงไปหาเค้าเป็นLaserเลย”
มันไม่ได้เกี่ยวว่า
ร้านนั้นจะอยู่ใกล้คุณหรือไกลคุณ
(ทำเลที่ตั้งแทบจะเป็นเรื่องรองไปเลย)
แต่คุณเลือกร้านที่พอใจไว้ใจบนOnline
แล้วพุ่งตรงไปหาเป็นแสงLaser
เห็นไหมพฤติกรรมนี้ของคุณ
มันเปลี่ยนไปโดยไม่รู้ตัว
จริงไหม?
—————
แล้ว
เจ้
แปะ
เฮีย
คุณพี่
หรือคนที่เคยขายดีทางOffline
มีหน้าร้านในทำเลที่เคยดีทำไง?
เค้าก็ยังงงๆอยุ่ว่า
ทำไมลูกค้าไม่เดินมาที่หน้าร้านเค้าเลย
ลูกค้าไปไหนหมด
เศรษฐกิจไม่ค่อยดีเลยช่วงนี้?
เมื่อไหร่เศรษฐกิจจะกลับมาดีนะ?
คำตอบคือ
บรรยากาศแบบนั้น
มันอาจจะไม่เกิดแล้วก็ได้
เพราะหลายครั้ง
ที่เราสรุปไปว่า
เศรษฐกิจไม่ดีลูกค้าไม่ซื้อ
จริงๆแล้วหลายครั้ง
ลูกค้าไม่ได้หยุดซื้อ
เค้าซื้ออยู่
แต่แค่ไปซื้อกับที่อื่น
ผมเจอเถ้าแก่ที่ขายอาหาร
บอกว่าสมัยก่อนขายดี
ตอนนี้ลูกค้าไม่เข้าเลย
เศรษฐกิจไม่ดีคนไม่กินเหลา
แต่ผมก็เห็นเพื่อนๆในfacebook
ในig ก็ออกไปใช้เงินกินอาหารดีๆแพงๆกันปกติ
คำถามคือ
เค้าไม่ซื้อข้าวดีๆกิน
หรือเค้าไปซื้อที่อื่น(หาลุงไม่เจอในOnline)
ผมเห็นตึกแถวที่เปิดสอนติวนักเรียน
บอกว่าช่วงนี้คนไม่ใช่เงิน
เลยไม่ส่งลูกติว
แต่ผมก็เห็นน้องๆใน1year
มีแต่คนไปเรียนทุกวันๆ
ผมเห็นแม่ค้าขายอาหารวันตรุษจีนที่ผมเดินไปดู
บ่นว่าขายไม่ได้ยอดลดลงทุกๆปี
คนไม่มีเงินด้วย
ปีนี้ขายได้ไม่ถึงครึ่งนึงของปีก่อน
แต่ผมเห็นพี่น้อง1year
ขายหอยจ้อปูเดือนละหลายล้าน
ตรุษจีนยอดขายดีขึ้นกว่าเดิม
ผมไปเจอร้านขายสูท
ที่เคยไปซื้อปิดตัวลง
ผมถามพนักงานเค้าบอกมาว่า
ปีหลังๆแทบไม่มีลูกค้าใหม่ๆเข้ามาเลย
ยิ่งช่วงโควิท คนไม่แต่งตัว
ก็ยิ่งเละเลยต้องปิดตัวลง
แต่สิ่งที่ผมเห็นพี่น้อง1yearอีกคนที่ทำธุรกิจร้านสูท
กลับกลายเป็น ตรงกันข้าม
คือร้านของเค้ากลับขายดีๆขึ้นๆ
มีลูกค้าหน้าใหม่มาหาทุกวัน
————————
เพราะฉะนั้น
จำที่ผมพูดตอนนั้นได้ไหมครับ
ที่บอกว่าทำไมคนที่ธุรกิจที่ขายดี
หรือเคยขายดี
มีลูกค้ามาออเต็มหน้าร้านในสมัยก่อน
แล้ววันนี้ทยอยล้มหายตายจากไป
บางคนเคยบอกว่า
มันเป็นเพราะเศรษฐกิจไม่ดี
แต่แล้วเค้าก็ได้แต่เฝ้ารอ
และหวังว่า
เมื่อเศรษฐกิจดีขึ่้น
ลูกค้าจะวิ่งกลับเข้าไปหาที่ร้าน
จะมีคนต่อคิวรอซื้อของกับเค้าแบบเดิม
จะมีคนขอให้เค้าช่วยแนะนำแบบเดิม
จะได้บริการลูกค้าคึกคักแบบเดิม
และถ้าผมบอกว่า...
ไอ้สิ่งเค้าที่หวังอะ
มันอาจจะไม่เกิดขึ้นแล้วก็ได้
เพราะตัวปัญหาที่แท้จริง
มันอาจจะไม่ใช่ที่เศรษฐกิจก็ได้
(ซึ่งโอเคนะ อาจจะมีบางช่วงที่เศรษฐกิจไม่ดีจริงๆ)
ก็เข้าใจได้
แต่ถ้าลองตั้งคำถามดีๆ
มันเป็นไปได้ไหมว่า
ตัวปัญหาที่แท้จริง
ระเบิดเวลาของจริงของคนทำธุรกิจ
อาจจะไม่ใช่เพราะเรื่องเศรษฐกิจ....
แต่อาจจะเป็นเพราะ
พฤติกรรมลูกค้าของเค้า
หรือพฤติกรรมคนรุ่นใหม่
หรือสมัยนี้กว่า90%
มันได้เปลี่ยนจากเดิม
ไปเป็นแบบใหม่เรียบร้อยแล้ว
————————
ผมได้เห็นคนที่เข้ามาใน1yearCLUB
หรือคนที่มาprivate
มีหลายคนที่สือทอดกิจการตระกูล
สืบทอดกิจการต่อจากพ่อแม่
เค้าบอกว่า
มันเป็นแบบนี้เลย
คือ....
มีแต่ลูกค้าเก่าๆที่เชื่อใจกันมานานที่ยังซื้ออยู่
แต่ลูกค้าใหม่ๆที่ปกติจะมาเรื่อยๆ
มาเดินหาเดินสุ่มในย่านเค้า ทำเลเค้า
กลับหายไป ช่วงๆหลังคือแทบไม่มีหลงมาเลย
แล้วลูกค้าเก่าๆที่เคยซื้อกันมา
ก็เริ่มล้มหายตายจาก
รุ่นลูกรุ่นหลานเค้าก็ไม่ได้มาใช้บริการ
ไม่ได้ซื้อตามพ่อแม่
ผมก็บอกว่าใช่
เพราะคนรุ่นใหม่ๆ
หรือยุคปัจจุบัน
เวลาเค้าอยากได้อะไร
เค้าไม่ค่อยได้ถามกันเท่าไหร่แล้ว
เค้ามีมือถือเครื่องนึง
เค้าก็หาข้อมูลของเค้าเองได้
เพราะฉะนั้นถ้าวันนี้คุณมีกิจการOffline
มีหน้าร้าน
หรือรับช่วงต่อมา
สิ่งที่เราต้องเข้าใจคือ
Online กับ Offline
คือเรื่องเดียวกันอย่างแยกกันไม่ออก
มันไม่ใช่ทางเลือก
แต่Onlineมันคือเส้นทางที่ลูกค้าเค้าค้นหาคุณ
เค้าเลือกคุณ
และในมุมของเราคนทำธุรกิจ
Onlineมันคือ
เส้นทางที่
นำลูกค้ามาสู่ธุรกิจคุณ
มันคือทำเลที่ลูกค้าของคุณเดินอยู่
แล้วคุณจะไม่ไปเสนอหน้าได้ยังไงจิงไหม?
เคสนี้หลังได้ไอเดียไปปรับ
ใช้เวลาไม่นานเลยทำความเข้าใจเล็กน้อย
ตอนหลังเปลี่ยนพลิกฝ่ามือเลย
ลูกค้าหลั่งไหลไปใช้บริการ
ไปซื้อมากกว่าสมัยรุ่นคุณพ่อคุณแม่เค้าอีก
———ใครทำธุรกิจอยู่
ไม่ว่าวันนี้คุณจะทำofflineหรือonline
ไอเดียวันนี้ผมมั่นใจเลยว่ามันช่วยคุณได้
ให้จำไ้ว้ว่า
คนเปลี่ยนไปแล้ว
1.เวลาเค้าอยากได้
พฤติกรรมคนยุคใหม่ประมาณ90%
เริ่มไม่ได้เดินกวาดเข้าไปหาข้อมูล
หรือเดินสุ่มตามร้านทั้งวันแบบเดิมแล้ว
1.5.เค้าหาข้อมูลเสร็จสรรพ
ว่าจะเอาแบบไหนตั้งแต่ทางOnline
2.เค้าตัดสินใจเลือกร้าน เรียบร้อยตั้งแต่บนOnline
ก่อนที่เค้าจะไปที่ร้านจริง
เค้าอาจจะทักinbox หรือดูร้านดูเพจคุณ
แล้วก็ตัดสินใจ
พุ่งตรงไปที่ร้าน
ไปดูของไปซื้อของ
หรือไปใช้บริการที่ร้าน
โชว์รูมหรือดีลเลอของคุณแบบLaserเลย
ก็ลองเอาไปใช้กันครับ
หรือแชร์conceptนี้
เอาไปเล่าให้กับญาติ พี่น้อง เพื่อนๆ
ที่เค้าทำธุรกิจร่วมกับคุณ
หรือที่เค้ากำลังจะปรับตัวในเรื่องนี้
เพื่อทุ่นเวลาซึ่งกันและกัน
จำไว้นะครับยุคนี้..
“”””Online กับ Offline
มันไม่ใช่เรื่องแยกกัน
แต่มันเป็นเรื่องเดียวกัน100%เลย
ที่ทำงานควบคู่กัน””””
ก็ใครอ่านจบแล้ว
วันนี้ก็ทักทายกันครับ^-
A10(เอเท็น)
#1YearClub
คลับการตลาด online สำหรับนักธุรกิจ
#Online Take Over MasterClass2021
"วิธีทำการตลาด Online ให้ได้กำไรสูงสุด
(ด้วยเงินลงทุนที่น้อยที่สุด)"
ทนาย คือ 在 Hero Athletes Facebook 的最讚貼文
ธุรกิจออนไลน์ และความหมายของชีวิต
ตั้งแต่สมัยจำความได้เมื่อยังเด็ก อาชีพยอดฮิต (และมีเกียรติ) คือ หมอ วิศวกร ทนาย
เป็นหมอสิ เงินเยอะ - อ้าว ไม่ได้เพราะรักในอาชีพเหรอ
เป็นวิศวกรสิ เงินเยอะ - อ้าว ไม่ได้เพราะรักในอาชีพเหรอ
เป็นทนายสิ เงินเยอะ -อ้าว ...
มันทำให้เราเกิดการตั้งคำถามว่า แล้วอาชีพแต่ละอาชีพนั้น ต้องทุ่มเทมากแค่ไหนถึงจะไปถึงจุดที่เรียกว่า ประสบความสำเร็จได้ ต้องใช้เวลามากเท่าไหร่ในการเรียน การศึกษา บางคนเรียนเกือบ 30 ปี ถึงจะได้เริ่มทำงาน อันนี้มันใช่สิ่งที่ชีวิตมนุษย์คนๆหนึ่งควรจะพบเจอหรือ ?
ไม่ใช่ว่าอาชีพ หมอ วิศวกร ทนาย ไม่โอเค แต่มันไม่ได้ตอบโจทย์ของผมเท่าไร
ถ้าสามารถ Define คำว่า ‘สำเร็จ’ ออกมาได้ สำหรับผมคือ ต้องมีอิสระ ก่อน อย่างแรกเลย ซึ่งอาชีพทั่วๆไปนั้นตกแบบทดสอบผมตั้งแต่ข้อแรก อะไรที่อยุ่ในระบบ ผมแหกหมด อะไรที่อยู่ใน 8-5 ตอกบัตรเข้างานสแกนนิ้วเข้างานคือไม่ใช่ละ ผมไม่คิดว่าคนเราเสียเวลามากขนาดนั้นแล้วต้องได้รับค่าตอบแทนเพียงเท่านี้ ผมคิดว่าเราควรจะได้ค่าตอบแทนตามความขยันของเรามากกว่า มิใช่จำนวนเวลา จำนวนชั่วโมงที่อยู้ในสถานที่ เราควรได้รับการตอบแทนเป็นคุณค่าทางสมองและความคิดสร้างสรรค์
อย่างที่สองต้องมีเวลา ซึ่งการทำงาน 8-5 ก็กินเวลาไปเยอะมากแล้ว ก็ตกบททดสอบไป
ส่วนข้อที่สามอีกคือต้องมีเงิน แต่เงินในสมัยนี้ทำให้เรามิได้มีอิสระในการใช้ชีวิตหรือเลือกอะไรเลย จำได้ว่าตอนเด็กๆอยู่ออสเตรเลียเรียนปริญญาตรี เคยล้างจานได้ชั่วโมงละ 25 เหรียญ เป็น Cash On Hand เลยนะ รับเงินสด ทำวันละ 4 ชั่วโมง เดือนละ 120,000 บาท โดยประมาณ กับเนื้องานคือล้างจานที่ร้านอาหาร เทียบกับ หมอ วิศวะ ทนาย อาจจะ ง่ายกว่า+ได้เงินเยอะกว่า มันทำให้เห็นความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐศาสตร์ระดับกว้างๆได้ชัดเจน จึงทำให้การทำงานในความเเข้าใจหลายๆคน ไม่ตอบโจทย์กับสมองผมเท่าไร
แต่ทุกวันนี้ เทคโนโลยีและสื่อออนไลน์ไปไกลมาก เชื่อมทุกอย่างเข้าในปลายนิ้ว อินเตอร์เนตความเร็วสูงเชื่อมทุกอย่างเข้าด้วยกัน คอมพิวเตอร์ มือถือ โน๊ตบุค ไอแพด เราสามารถทำอะไรก็ได้บนอินเตอร์เนตแล้ว ไม่มีข้อจำกัดอีกต่อไป อยากทำงานเมื่อไรก็ทำ อยากหาเงินเมื่อไรก็หา อยากอยู่ที่ไหนก็อยู่ ไม่มีใครกำหนดกรอบ
เราจะพบเห็นพฤติกรรมที่เทคโนโลยีและอินเตอร์เนตเข้ามามีบทบาทกับชีวิตของเรามากนั้นก็คือการจับจ่ายใช้สอย ช็อปปิ้งออนไลน์ เราไม่ต้องเดินทางไปห้างอีกแล้วเพื่อจะซื้อทีวี หรือเราไม่จำเป็นต้องออกไปที่ร้านอาหารด้วยซ้ำถ้าอยากจะทานข้าว เราแค่กดสั่งที่ปลายนิ้ว
และอย่าลืมว่า ขณะที่เราช็อปปิ้งออนไลน์ จ่ายเงินออก เราเองก็สามารถเป็นเจ้าของร้านออนไลน์เหล่านั้น และรับเงินเข้าได้เช่นกัน ปัจจุบัน แอพพลิเคชั่นต่างๆสะดวกมาก ทั้ง Lazada, Shoppee, Alibaba, AliExpress หรือแม้แต่ Social Media Platform ต่างๆก็รองรับการค้าขายได้ทั้งหมด เช่น Facebook Market Place, Instagram AutoSave Reply (สะดวกมากสำหรับคนขายของออนไลน์) , Line Shop, etc. และระบบโอนเงินทั้งหมดก็สะดวก Online Bangking, Paypal ฉะนั้นถ้าสังเกตุดีๆ เครื่องมืออำนวยความสะดวกทั้งหมดอยู่ตรงหน้าแล้ว เหลืออยู่ที่การสร้างสินค้ามาขายแล้วล่ะว่าจะทำอย่างไร
ธุรกิจออนไลน์สามารถตอบโจทย์ 3 ข้อที่ผมถามได้และให้คำตอบที่น่าพอใจใแง่ของ อิสระ เวลา เงิน
หลักๆ ธุรกิจออนไลน์นั้นมี 2 ประเภทหลักคือ
1. Dropshipping (รับสินค้ามาขาย)
2. Own Brand (สร้างแบรนด์ของตนเอง)
ทั้งสองประเภทสร้างเงินได้ทั้งนั้น ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นเจ้าของแบรนด์เท่านั้นถึงจะทำเงินได้ จริงๆแล้ว Dropshipping สามารถสร้างรายได้มหาศาล แถมเราไม่จำเป็นต้องเหนื่อยสร้างแบรนด์ตนเอง เป็นสินค้าที่มีความต้องการ ติดตลาดอยู่แล้ว แต่ความแตกแต่างเลยคือ Mindset ของผู้ประกอบกิจการ (Entrepreneurial Mindset)
Dropshipping ส่วนใหญ่จะเป็นไปเพื่อผลกำไรโดยเฉพาะ เห็นช่องทางว่าของทางนี้ขายได้ เลยนำไปขายเพื่อทำกำไร ไปต่อยอดธุรกิจอื่น
Own Brand คือการที่ผู้ประกอบการต้องการจะส่งข้อความ ส่งสาร ส่ง Messages อะไรออกไปสู่สังคมสักอย่าง ยกตัวอย่างเช่น แบรนด์ที่มีการส่งเสริมด้านการอนุรักษ์ รณรงค์ผืนป่า เจ้าของแบรนด์รักษ์ป่าไม้ อยากให้ทุกคนหันมาเห็นความสนใจในการอนุรักษ์ตรงนี้ สินค้าอาจจะเป็นในส่วนของผลิตภัณฑ์ที่ Recycle และ ดีไซน์ที่ล้ำสมัย หรือยกตัวอย่างง่ายสุดเลยคือ Hero Athletes ที่เพื่อนๆอ่านกันอยู่ ผมพยายามที่จะส่งข้อความออกไปโดยการใช้ Content ต่างๆ ที่อยู่ใน Social Media และออกมาในแนวเสื้อผ้า Street หรือ Active Wear ต่างๆ รวมทั้ง อุปกรณ์กีฬาต่างๆที่นำสมัย เนื่องจากข้อความที่ผมอยากส่งสารออกไปทั้งด้านการสร้างความแข็งแรงต่อคนในสังคมโดยรวม การต่อต้านสังคม การค้นหาอิสระ การประสบความสำเร็จ การเข้าใจตนเอง การเป็นผู้นำทางด้านแฟชั่นในวงการฟิตเนส ต่างๆ และจริงๆก็จะมี แบรนด์อื่นที่ผมกำลังทำ ซึ่งส่งเมสเสจในแนวเดียวกันออกมาอยู่
ซึ่งการประสบความสำเร็จในการสร้าง Brand + ทำให้ Brand โตทาง Online ได้ รักในสิ่งที่ทำ มีอิสระทางความคิด ทางด้านเวลา ทางการเงิน ผมพยายานพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าสิ่งที่ผมทำมันไม่ได้เดินตามเส้นทางใคร ไม่ได้เดินตามกระแสสังคม ไม่ได้ทำเพราะความกลัว แต่ทำเพราะความกล้าที่จะแตกต่างออกไป มันทำให้เราประสบความสำเร็จ ลบคำสบประมาทได้ทั้งหมด และกลายเป็นผู้ให้อย่างแท้จริง มีน้องๆหลายท่านที่ผมช่วยสร้าง Brand และประสบความสำเร็จเงินเข้าเดือนละ 6-7 หลัก และได้ทำสิ่งที่อย่างทำ ไปที่ไหนก็ได้บนโลก
ผมก็รู้สึกยิ่งดีใจเข้าไปใหญ่ว่า การมีตัวตนอยู่ของเราได้สร้างให้ผู้อืนค้นพบอิสระในการใช้ชีวิต และมันทำให้เราได้ค้นพบ
ความหมายของชีวิต
ที่สมบูรณ์แบบที่สุด นั่นก็คือ
การได้ช่วยเหลือผู้อื่น
#heroathletes
#madsproject
#onlinebusiness
#freedom
ทนาย คือ 在 ทนายความ ชลบุรี - เรามารู้จักคำว่า นักกฎหมาย ในภาษาอังกฤษกัน ... 的推薦與評價
**** Lawyer ซึ่งหมายถึงนักกฎหมาย หรือทนายความ นักกฎหมายในที่นี้คือนักกฎหมายในความหมายอย่างกว้าง ก็ไม่เฉพาะอยู่แต่กับวิชาชีพ ทนาย อัยการ หรือผู้พิพากษาตุลาการ ... ... <看更多>
ทนาย คือ 在 ทนายความมืออาชีพคืออะไร ? | อยากเป็นทนาย - YouTube 的推薦與評價
ทนายความ มืออาชีพ คือ อะไร ? "สำหรับในมุมมองของผมแล้ว ทนายความ มืออาชีพ หมายถึง ทั้งตัวและหัวใจเป็น ทนายความ แท้ๆ ... ... <看更多>