รู้จัก บริษัทผลิตธนบัตร ใหญ่สุดในโลก /โดย ลงทุนแมน
รู้หรือไม่ว่าเกือบ 90% ของธนบัตรทั่วโลก ถูกพิมพ์โดยหน่วยงานภาครัฐ เช่น ธนาคารกลางหรือกระทรวงการคลัง เหมือนกับธนบัตรของประเทศไทย ที่พิมพ์โดยธนาคารแห่งประเทศไทย
แต่ไม่ใช่ทุกประเทศที่มีโรงพิมพ์ธนบัตรเป็นของตัวเอง
ประเทศเหล่านั้นจึงยังต้องสั่งพิมพ์ธนบัตรจากบริษัทในต่างประเทศอยู่
โดยบริษัทที่ทำธุรกิจรับผลิตธนบัตรที่ใหญ่สุดในโลก เป็นบริษัทจากประเทศอังกฤษ ที่มีชื่อว่า “De La Rue” ซึ่งก่อนที่ไทยจะมีโรงพิมพ์ธนบัตรเป็นของตัวเอง ก็เคยสั่งพิมพ์ธนบัตรจาก De La Rue มาก่อนเช่นกัน
เรื่องราวของบริษัท De La Rue มีความเป็นมาอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ประเทศไทยเริ่มใช้ “ธนบัตร” เป็นครั้งแรกในปี 1902 (พ.ศ. 2445) หรือตรงกับสมัยรัชกาลที่ 5
แต่ประเทศไทยเริ่มพิมพ์ธนบัตรเองเป็นครั้งแรกในปี 1941 (พ.ศ. 2484) โดยกรมแผนที่ทหารบก
ก่อนที่เราจะมีโรงพิมพ์ธนบัตรเป็นของตัวเองในปี 1969 (พ.ศ. 2512) ซึ่งอยู่ในความดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย
ก่อนที่ประเทศไทยจะเริ่มพิมพ์ธนบัตรเอง ธนบัตรรุ่นแรก ๆ ของไทยพิมพ์มาจากบริษัทในประเทศอังกฤษที่ชื่อ “De La Rue” อ่านว่า เดอ ลา รู
De La Rue เป็นบริษัทมหาชนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอนมาตั้งแต่ปี 1947
โดยธุรกิจหลักของบริษัทแห่งนี้ ก็คือบริการที่เกี่ยวกับการผลิตธนบัตรแบบครบวงจร ทั้งการรับออกแบบธนบัตร พิมพ์ธนบัตร รวมไปถึงขายเครื่องพิมพ์ธนบัตรและอุปกรณ์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
แม้ว่าจะมีบริษัทที่รับพิมพ์ธนบัตรเหมือนกับ De La Rue เช่น
บริษัท Crane ในประเทศสวีเดนและสหรัฐอเมริกา
บริษัท Canadian Bank Note ของแคนาดา
หรือบริษัท Giesecke & Devrient ของเยอรมนี
แต่ในปัจจุบัน De La Rue เป็นบริษัทที่พิมพ์ธนบัตร มากที่สุดในโลก
โดยมีการประเมินว่า ทั่วโลกจะมีธนบัตรพิมพ์ใหม่ประมาณ 1.7 แสนล้านฉบับโดยเฉลี่ยต่อปี
คิดเป็นธนบัตรที่พิมพ์โดยบริษัทรับจ้างพิมพ์ธนบัตร 1.9 หมื่นล้านฉบับ หรือราว 1 ใน 10
ในจำนวนนั้น จะเป็นธนบัตรที่พิมพ์โดย De La Rue ราว 7 พันล้านฉบับ คิดสัดส่วนมากถึง 1 ใน 3
โดยลูกค้าของ De La Rue ส่วนใหญ่ คือธนาคารกลาง รวมถึงหน่วยงานรัฐที่มีหน้าที่พิมพ์ธนบัตร ในกว่า 140 ประเทศทั่วโลก ซึ่งมักเป็นประเทศขนาดเล็ก ยกตัวอย่างเช่น ประเทศคูเวต, เฮติ, กาตาร์, เปรู และนิการากัว
ประเทศเหล่านี้ส่วนใหญ่ยังไม่มีโรงพิมพ์ธนบัตรเป็นของตัวเอง เพราะการผลิตธนบัตรที่มีคุณภาพ ปลอมแปลงได้ยาก มีต้นทุนที่ค่อนข้างสูง รวมถึงเครื่องพิมพ์ธนบัตร 1 เครื่อง ก็จะมีกำลังการผลิตที่สูงเกินกว่าความต้องการใช้ธนบัตรในประเทศเหล่านี้มาก เรียกได้ว่าไม่คุ้มที่จะผลิตธนบัตรเองในประเทศ
การจ้างบริษัทต่างประเทศเพื่อพิมพ์ธนบัตร จึงคุ้มค่ากว่าและมีความน่าเชื่อถือมากกว่า ซึ่ง De La Rue ก็ถือเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีการพิมพ์ธนบัตรของโลก
สำหรับจุดเริ่มต้นของบริษัท De La Rue ต้องย้อนกลับไปเมื่อ 200 ปีก่อน
ในปี 1821 ที่ประเทศอังกฤษ ชายที่ชื่อว่า “Thomas de la Rue” ได้ก่อตั้งโรงงานสิ่งพิมพ์เล็ก ๆ โดยโรงพิมพ์ของเขาเริ่มมีชื่อเสียงจากการพิมพ์ไพ่ด้วยเทคนิคเคลือบมัน
ต่อด้วยการคิดค้นเครื่องพับซองจดหมาย ซึ่งได้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของรูปแบบซองจดหมายมาตรฐานที่ใช้กันในปัจจุบัน รวมไปถึงการผลิตอากรสแตมป์
จนกระทั่งในปี 1860 บริษัท De La Rue เริ่มพิมพ์ธนบัตรเป็นครั้งแรกให้กับประเทศมอริเชียส
ซึ่งประเทศแห่งนี้เป็นหนึ่งในประเทศอาณานิคมของอังกฤษ ก่อนที่ในเวลาต่อมา บริษัทจะเริ่มพิมพ์ธนบัตรให้ธนาคารกลางอังกฤษในปี 1914
ก่อนหน้าที่ De La Rue จะผลิตธนบัตรให้กับธนาคารกลางอังกฤษนั้น
ธนาคารอังกฤษเคยพิมพ์ธนบัตรกับบริษัท Portals มาก่อน
ในภายหลัง De La Rue ได้เข้าซื้อกิจการ Portals
De La Rue จึงกลายเป็นบริษัทเดียวที่พิมพ์ธนบัตรให้ธนาคารกลางอังกฤษ แบบในปัจจุบัน
De La Rue รวมถึง Portals ก็ถือเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีที่เกี่ยวกับธนบัตร ยกตัวอย่างเช่น ในปี 1957 De La Rue เริ่มผลิตเครื่องนับธนบัตรขาย เป็นครั้งแรกของโลก
ในด้านเทคโนโลยีการผลิตธนบัตร ตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1720 Portals ถือเป็นบริษัทแรกที่นำเทคนิคการพิมพ์แบบลายน้ำมาใช้กับธนบัตร
ซึ่งเทคนิคการพิมพ์ลักษณะนี้จะทำให้เนื้อกระดาษหนาบางไม่เท่ากัน มีลายนูน
ส่งผลให้ปลอมแปลงยาก เหมือนที่เรานำธนบัตรไปส่องกับแสงเพื่อดูว่าเป็นของจริงหรือปลอม
ส่วนเทคโนโลยีการผลิตธนบัตรที่ทำจากพอลิเมอร์ แม้จะถูกคิดค้นที่ประเทศออสเตรเลียในปี 1988 แต่ De La Rue ก็ยังมีบทบาทสำคัญในการผลักดันให้เทคโนโลยีนี้ถูกใช้อย่างแพร่หลายมากขึ้น
ซึ่งในปัจจุบัน De La Rue เป็นเพียง 1 ใน 2 บริษัท ที่ขายพอลิเมอร์สำหรับทำธนบัตร และเป็นบริษัทเดียวในโลกที่ขายพอลิเมอร์ทำธนบัตร และรับพิมพ์ธนบัตรพอลิเมอร์ควบคู่ไปด้วย
การเป็นผู้นำเทคโนโลยีการพิมพ์ธนบัตร รวมถึงการสร้างความน่าเชื่อถือตลอด 200 ปีที่ผ่านมา เลยเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ De La Rue เป็นหนึ่งในบริษัทรับผลิตธนบัตร ที่เป็นผู้นำของโลก มาอย่างยาวนาน
มาถึงตรงนี้ อาจเกิดคำถามว่า โลกที่หมุนเข้าสู่สังคมไร้เงินสด
กระทบกับบริษัท De La Rue หรือไม่ ?
แม้ว่าทั่วโลกจะยังมีความต้องการใช้ธนบัตรอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะประเทศในทวีปเอเชีย แอฟริกา และตะวันออกกลาง ที่ยังใช้จ่ายด้วยเงินสดเป็นหลัก
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า การชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ ก็กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น
สะท้อนให้เห็นจากการใช้จ่ายทั่วโลกราว 20% ยังคงเป็นเงินสด
แต่สัดส่วนนี้ลดลงจาก 60% ในช่วง 10 ปีก่อนหน้า
ที่น่าสนใจก็คือ ในช่วงเวลาดังกล่าว หลายประเทศโดยเฉพาะประเทศที่เป็นผู้นำด้านการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ อย่างเช่นประเทศในยุโรป แคนาดา และสิงคโปร์ กลับพบว่ามูลค่าธนบัตรที่หมุนเวียนในระบบมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้แต่ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด 19 ที่เป็นปัจจัยเร่งให้การใช้จ่ายแบบอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วก็ตาม
ยกตัวอย่างเช่น ข้อมูลจากธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ระบุว่ามูลค่าธนบัตรหมุนเวียนในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว แม้แต่ในปี 2020 ก็ยังเพิ่มขึ้นได้ราว 8% ซึ่งก็สอดคล้องกับข้อมูลของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่ระบุว่าในปี 2020 มูลค่าธนบัตรหมุนเวียนเพิ่มขึ้นราว 11%
ซึ่งทางธนาคารกลางอังกฤษได้ให้เหตุผลว่า มูลค่าธนบัตรหมุนเวียนที่ยังคงเพิ่มขึ้นแม้การใช้จ่ายแบบอิเล็กทรอนิกส์จะได้รับความนิยมสูงขึ้น เป็นเพราะว่าคนส่วนใหญ่ยังมองว่าการเก็บเงินสดเป็นการเก็บของที่มีมูลค่าในตัวมันเองอยู่
จากข้อมูลเหล่านี้ เลยทำให้ผู้บริหาร De La Rue มองว่าความต้องการธนบัตร จะยังคงเพิ่มขึ้นต่อไปได้ในอนาคต
แต่อย่างไรก็ตาม ธุรกิจรับผลิตธนบัตรยังคงมีความเสี่ยงอีกหลายด้าน อย่างเช่น การที่ลูกค้าเป็นประเทศขนาดเล็กหรือเศรษฐกิจไม่มีเสถียรภาพ ความต้องการพิมพ์ธนบัตรเพิ่ม จึงไม่แน่นอน
ในกรณีเลวร้ายกว่านั้นคือ สั่งพิมพ์ธนบัตรไปแล้วแต่กลับจ่ายเงินไม่ได้ อย่างกรณีของประเทศเวเนซุเอลา ที่ในปี 2018 บริษัท De La Rue ต้องบันทึกหนี้สูญ 800 ล้านบาท เพราะธนาคารกลางเวเนซุเอลาไม่สามารถจ่ายเงินค่าสั่งพิมพ์ธนบัตรได้
นอกจากนั้นแล้ว หลายประเทศที่เคยเป็นลูกค้า ก็หันมาสร้างโรงพิมพ์ธนบัตรของตัวเองกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ยกตัวอย่างเช่น ประเทศไทยที่เคยพิมพ์ธนบัตรกับ De La Rue แค่ช่วงแรก นอกจากนั้นก็มีฮ่องกงและอินเดีย โดยเฉพาะอินเดียที่เคยเป็นลูกค้ารายใหญ่ ก็หันไปพิมพ์ธนบัตรเองกันหมดแล้ว
แม้ว่า De La Rue จะไม่ได้มีธุรกิจผลิตธนบัตรอย่างเดียว แต่ยังมีธุรกิจผลิตพาสปอร์ต รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่ต้องมีการป้องกันไม่ให้ถูกปลอมแปลงอยู่ด้วย แต่รายได้หลักกว่า 70% ยังมาจากธุรกิจธนบัตร
แล้วผลประกอบการตามปีงบประมาณของ De La Rue ช่วง 4 ปีที่ผ่านมา เป็นอย่างไรบ้าง ?
ปี 2017 รายได้ 22,200 ล้านบาท กำไรจากการดำเนินงาน 2,800 ล้านบาท
ปี 2018 รายได้ 25,400 ล้านบาท กำไรจากการดำเนินงาน 2,700 ล้านบาท
ปี 2019 รายได้ 21,200 ล้านบาท กำไรจากการดำเนินงาน 1,900 ล้านบาท
ปี 2020 รายได้ 17,900 ล้านบาท กำไรจากการดำเนินงาน 650 ล้านบาท
จากรายได้และกำไรจากการดำเนินงานที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง ก็ได้สะท้อนมาที่มูลค่าของบริษัท De La Rue ในปัจจุบัน ที่มีมูลค่า 1.6 หมื่นล้านบาท ลดลงจากปี 2017 กว่า 70%
ทำให้เราสรุปได้ว่าแม้แต่บริษัทผลิตธนบัตร ที่เรียกได้ว่าเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวัน
ก็หนีไม่พ้นยุคแห่งความท้าทาย และการเปลี่ยนแปลง จากเทคโนโลยี เช่นกัน..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://www.ft.com/content/2585aaa7-6708-4ecc-ae60-6ddc407c6c95
-https://www.bloomberg.com/opinion/articles/2019-11-26/world-s-biggest-banknote-maker-de-la-rue-is-running-out-of-money
-https://www.economist.com/business/2017/04/06/de-la-rue-rethinks-its-strategy
-https://www.bbc.com/news/business-50557097
-https://www.bbc.com/news/business-45272704
-https://www.bbc.co.uk/news/business-43807190
-https://www.forbes.com/sites/francescoppola/2020/01/30/why-is-a-company-that-prints-money-running-out-of-cash/?sh=43b903eb3b5d
-https://www.americanbanker.com/news/watermarks-an-appreciation-for-a-timeless-feature-of-currency
-https://www.delarue.com/about-us/our-history-orig
-https://www.delarue.com/investors/results-and-reports
-https://www.bot.or.th/Thai/Banknotes/HistoryAndSeriesOfBanknotes/Pages/All_Series_of_Banknotes.aspx
同時也有731部Youtube影片,追蹤數超過1萬的網紅LIVIGRACE. CO,也在其Youtube影片中提到,作為女生,如何成為更好的自己?影片分享6樣女生愈早知道愈好的事。成長路上我們總學習著如何做更好的自己,如何be the best version of yourself.這些事可能學校沒教,父母沒教,又或者年代不同了,女生要擔任的角色,女生要負責的事都不同。女生,這些事如果你早一知道,人生又會過得更...
「instagram strategy」的推薦目錄:
- 關於instagram strategy 在 ลงทุนแมน Facebook 的最讚貼文
- 關於instagram strategy 在 ลงทุนแมน Facebook 的最讚貼文
- 關於instagram strategy 在 Facebook 的最讚貼文
- 關於instagram strategy 在 LIVIGRACE. CO Youtube 的最佳貼文
- 關於instagram strategy 在 林子安 AnViolin Youtube 的最佳貼文
- 關於instagram strategy 在 LIVIGRACE. CO Youtube 的精選貼文
- 關於instagram strategy 在 Best Instagram Strategy In 2023 - YouTube 的評價
- 關於instagram strategy 在 Instagram Strategy for 2023: What You Need to Know - YouTube 的評價
- 關於instagram strategy 在 120 Instagram Marketing Ideas in 2023 - Pinterest 的評價
instagram strategy 在 ลงทุนแมน Facebook 的最讚貼文
สรุปประเด็นจากกองทุนบัวหลวง
เปิดสูตรเฟ้นหา หุ้นอนาคตในอเมริกาเข้าพอร์ตระยะยาว
BBLAM x ลงทุนแมน
อังคารที่ 8 กันยายน ที่ผ่านมา ลงทุนแมนได้ชวนผู้เชี่ยวชาญมากประสบการณ์ คุณมทินา วัชรวราทร CFA®, Head of Investment Strategy กองทุนบัวหลวง
มาพูดคุยเกี่ยวกับประเด็นการเฟ้นหาหุ้นอนาคตในอเมริกาเข้าพอร์ตระยะยาว
โดยเริ่มตั้งแต่อัปเดตสถานการณ์ล่าสุดในสหรัฐอเมริกา ที่เริ่มเปิดเผยตัวเลขทางเศรษฐกิจในช่วงเดือน ส.ค. ที่ผ่านมา ไปจนถึงผลประกอบการของบริษัทต่าง ๆ ในไตรมาสที่ 2
ตัวเลขเหล่านี้กำลังส่งสัญญาณอะไร ?
เราจะมีวิธีการปรับพอร์ตการลงทุนอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะสรุปให้ฟัง..
มาเริ่มต้นกันที่ สรุปภาพรวมเศรษฐกิจมหภาคของสหรัฐอเมริกา เกิดอะไรบ้างในช่วงที่ผ่านมา ?
ที่ผ่านมาสหรัฐอเมริกา มีการทำ QE หรือ การซื้อสินทรัพย์ เช่น พันธบัตรรัฐบาลและหุ้นกู้ เพื่อให้ระบบมีเงินหมุนเวียนมากขึ้น ทำให้ภาพรวมตลาดหุ้นสามารถดำเนินต่อไปได้
โดยประเด็นหลักที่ตลาดยังคงจับตามองในปีนี้คือ การลดขนาดการเข้าซื้อสินทรัพย์ หรือที่เรียกว่า QE Tapering ซึ่งประธาน FED ออกมาพูดว่า การทำ Tapering จะเริ่มขึ้นในปีนี้ และเป็นการตัดสินใจแยกกันกับ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
หมายความว่า หากเริ่มทำ Tapering ดอกเบี้ยก็ไม่จำเป็นจะต้องปรับขึ้นในทันที
นอกจากนี้ สหรัฐอเมริกาจะยังใช้นโยบายการเงินที่ค่อนข้างผ่อนคลายต่อไป ทำให้ตลาดสหรัฐอเมริกา กลับมาเป็นขาขึ้น และเงินก็จะวิ่งเข้าหาสินทรัพย์เสี่ยงอีกครั้ง
ซึ่งทางกองทุนบัวหลวงคาดว่า FED จะค่อย ๆ ลดการทำ QE ลงโดยจะใช้เวลาประมาณ 8 เดือน และ FED มีแนวโน้มจะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ในปี 2024 แต่ก็ยังเป็นอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำ
ดังนั้น นโยบายโดยรวม จึงยังเอื้ออำนวยให้การลงทุนในตลาดหุ้นยังให้ผลตอบแทนได้ดีกว่าสินทรัพย์อื่น ๆ ไปอีกสักระยะ
แต่ก็ยังมีปัจจัยหลายอย่างที่อาจทำให้ FED ชะลอการทำ QE Tapering ได้ เช่น ตัวเลขการจ้างงาน ที่ต่ำกว่าตลาดคาดการณ์ไปมาก
อีกหนึ่งประเด็นที่ต้องติดตามอย่างต่อเนื่อง คือ เงินเฟ้อ ที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 5.4%
ถึงแม้ว่า ราคา สินค้าโภคภัณฑ์บางตัว ลดลงมาแล้ว เช่น ราคาไม้ ทองแดง แต่ราคาบ้านและค่าเช่าบ้านในสหรัฐอเมริกาที่ยังไม่ลดลงมา ก็อาจทำให้เงินเฟ้อยังคงสูงได้
แล้วโหมดการลงทุนช่วงนี้ต้องปรับ หรือจับสัญญาณต่ออย่างไรดี ?
กองทุนบัวหลวงก็เชื่อว่าในระยะสั้น เงินจะยังไหลเข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยงอย่างต่อเนื่อง และเงินยังอยู่ในหุ้นสหรัฐอเมริกา
โดยในเดือนที่ผ่านมา ผู้จัดการกองทุนหลายรายในสหรัฐอเมริกาเข้าลงทุนกลุ่ม Healthcare มากที่สุด
จากความต้องการหาการลงทุนในเชิงคุณภาพ และหุ้นใหญ่ที่ปลอดภัย และที่ผ่านมากลุ่ม Healthcare ยังถือเป็นกลุ่มที่ Laggard หรือเติบโตได้ช้า เมื่อเทียบกับกลุ่มอื่น
แต่ถ้าหากดูกลุ่มที่ผู้จัดการกองทุนมีการถือครองมากที่สุด ก็ยังคงเป็นกลุ่มเทคโนโลยี
ถ้าเทียบระหว่างเทคโนโลยีที่เป็น Hypergrowth อย่างเช่น หุ้น Tesla, Roku, Shopify กับ ดัชนี Nasdaq ที่ เป็นหุ้นเทคโนโลยีใหญ่ ๆ เช่น Microsoft, Facebook, Amazon ก็จะเห็นว่าในภาพรวม เงินไหลออกจากกลุ่ม Hypergrowth มาเข้าฝั่ง Nasdaq
ซึ่งปริมาณเงินส่วนที่ไหลเข้ามาในตลาด Nasdaq ยังอยู่ที่ประมาณค่าเฉลี่ย ซึ่งหมายความว่า ไม่น่าเกิดฟองสบู่หุ้นเทคโนโลยี อย่างที่หลายคนกังวล
โดย Nasdaq ให้ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีเพิ่มมา 18% ประกอบกับหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ยังมีผลกำไรที่ยังเติบโตต่อเนื่อง
กองทุนบัวหลวงมองว่า หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีน่าจะให้ผลตอบแทนที่ดีได้ต่อไป แต่อาจต้องใช้วิธี Active Management หรือการบริหารพอร์ตเชิงรุก เพื่อหาบริษัทที่มูลค่ายังไม่สูงเกินไป
นอกจากนั้น กองทุนบัวหลวงยังมองว่าในสามเดือนสุดท้ายของปีนี้ เงินจะยังอยู่ในฝั่งตลาดพัฒนาแล้ว เช่น สหรัฐอเมริกา ยุโรป และญี่ปุ่น เนื่องจากมีความสามารถในการบริหารจัดการโควิด 19 ได้ดี และมีอัตราการฉีดวัคซีนสูงขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้เศรษฐกิจกลับคืนสู่ภาวะปกติได้เร็ว
สำหรับรายงานผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนสหรัฐอเมริกา ในไตรมาสที่ผ่านมา ถือว่าเติบโตได้ดีมาก
ผลกำไรภาพรวมของตลาด ออกมาสูงกว่าตลาดคาดการณ์ไว้
อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีความเสี่ยงและความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ จากห่วงโซ่การผลิตที่มีปัญหาและค่าจ้างที่สูงขึ้น ซึ่งกองทุนบัวหลวงมองว่า เป็นเพียงระยะสั้น และจะคลี่คลายในระยะปานกลางจนกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
คำถามต่อมาคือ S&P 500 จะสามารถไปได้ต่ออีกหรือไม่ และแพงไปแล้วหรือยัง ?
ดัชนี S&P 500 ปรับตัวขึ้นมา ตามกำไรของบริษัทที่ปรับตัวดีขึ้นมาต่อเนื่อง และนักวิเคราะห์มีการปรับประมาณการเป้าหมาย S&P 500 เป็น 4,600 (ตอนนี้อยู่ที่ราว ๆ 4,500) หมายความว่า ดัชนี S&P 500 จะยังคงไปต่อได้
อีกทั้งสหรัฐอเมริกายังเป็นตลาดการเงินที่สภาพคล่องสูงที่สุดในโลก รวมไปถึงมีบริษัทที่มีคุณภาพดีมากที่สุดในโลก ทำให้ P/E ที่ 20 เท่า ก็ยังสามารถลงทุนได้
แล้วควรลงทุนเมื่อไร ดอกเบี้ยขึ้น จับจังหวะอย่างไร ?
ถ้าเราลองย้อนไปดูสถิติ 12 เดือนก่อนที่จะมีการขึ้นดอกเบี้ย จะเห็นว่าตลาดสามารถปรับตัวขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง และสามารถปรับตัวขึ้นได้อีกหลังจากที่อัตราดอกเบี้ยปรับตัวขึ้นครั้งแรก
โดยกองทุนบัวหลวง แนะนำหนึ่งเทคนิคที่น่าสนใจ คือให้เข้าสะสมแบบมีวินัย ลงทุนแบบสม่ำเสมอ หรือ DCA เนื่องจากการจับจังหวะตลาดสหรัฐอเมริกา หรือไม่ว่าตลาดไหน ๆ เป็นเรื่องที่ทำได้ยาก
ทีนี้หลายคนคงกังวลว่า เงินทุนเริ่มไหลออกจากกลุ่ม Hypergrowth แล้วเงินส่วนนี้ย้ายไปอยู่ที่ไหน ?
จากที่ได้กล่าวมาข้างต้น คือปัจจุบัน เงินทุนไหลออกจากหุ้นในกลุ่ม Hypergrowth แต่ปรากฏว่าดัชนี Nasdaq นั้นยังคงปรับตัวสูงขึ้น ที่เป็นแบบนี้เพราะเงินกำลังไหลไปยังบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ ๆ นั่นเอง
หลายคนอาจมองว่า บริษัทเหล่านี้น่าจะได้รับผลกระทบจากวิกฤติโควิด 19 แต่กลับกลายเป็นว่า จากวิกฤตินี้ทำให้คนหันมาพึ่งเทคโนโลยีกันมากขึ้น
โดยสังเกตได้จากรายได้ของบริษัทเทครายใหญ่ ที่ยังคงปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงเรื่องของแผนในอนาคตที่น่าจับตามอง ทำให้นักลงทุนยังคงให้ความสนใจ
ยกตัวอย่างเช่น บริษัท Facebook และ Microsoft
Facebook เป็นบริษัทเจ้าของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เช่น Facebook, Instagram, WhatsApp ที่มีรายได้หลักมาจากค่าโฆษณาออนไลน์
โดยจุดเด่นของ Facebook คือ ความสามารถในการยิงโฆษณาที่ตรงกลุ่มเป้าหมายมากกว่าคู่แข่งรายอื่น ๆ พร้อมทั้งยังมีโอกาสเติบโตไปกับอุตสาหกรรมสื่อออนไลน์อีกมาก เนื่องจากโควิด 19 ก็เป็นตัวเร่งที่ทำให้คนหันมาพึ่งเทคโนโลยีกันมากขึ้น
สำหรับแผนในอนาคตของ Facebook นั้นยังคงเป็นเรื่องของแผนการปรับตัวให้บริษัทเป็น บริษัท “Metaverse” หรือโลกแห่งการผสมผสาน ระหว่างโลกจริงและโลกเสมือน อย่างเต็มตัว
โดย มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก CEO ของ Facebook มองว่า โลกของ Metaverse จะกลายเป็นอนาคตของโลกอินเทอร์เน็ต โดยล่าสุดก็ได้มีการเปิดตัว Horizon Workrooms ที่ให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าไปประชุมได้แบบเสมือนจริง ผ่านตัวละคร Avatar
มาต่อกันที่บริษัทซอฟต์แวร์ที่เราคุ้นเคยกัน อย่าง “Microsoft” ซึ่งในปีที่ผ่านมายังคงได้รับความสนใจจากนักลงทุน โดยมูลค่าบริษัทยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ก็เนื่องมาจาก ผลประกอบการในไตรมาสที่ผ่านมา ที่ยังคงเติบโต 17% จากบริการ Intelligence Cloud ที่เติบโตได้ดี
แต่ที่น่าสนใจคือเรื่องของแผนในอนาคต อย่างการทำโลกเสมือน หรือที่ทาง Microsoft เรียกว่า Digital Twin ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับการทำ Metaverse ของ Facebook แต่จะเป็นการก๊อบปี้ของจริงมาไว้บนโลกออนไลน์แทน เช่น จำลองสถานที่ จำลองตึก เพื่อนำมาใช้ทดสอบการบินของโดรนก่อนเอาออกไปใช้งานจริง
ทั้งนี้ในส่วนของ Theme โลกเสมือนนั้น อาจมีความเสี่ยง เรื่องที่จะต้องใช้เวลาอีกไม่น้อย กว่าที่เราจะได้สัมผัสแบบเต็ม ๆ
แต่นี่เป็นเหมือนการส่งสัญญาณว่าบริษัทเทคโนโลยีหลายรายกำลังตื่นตัวกับการสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ และมีการเตรียมพร้อม มองหาช่องทางการเติบโตใหม่ ๆ หรือที่เรียกว่า New S-Curve อยู่ตลอดเวลา
มาถึงตรงนี้หลายคนอาจจะเริ่มสงสัยแล้วว่า แล้วกระแสเงินลงทุนที่ดูมีการเปลี่ยนทิศเปลี่ยนทางเช่นนี้ จะมีผลกระทบกับกองทุน B-USALPHA และ B-FUTURE แค่ไหน ?
สำหรับกองทุน B-USALPHA นั้น หลายคนอาจจะคิดว่ากองนี้มีแต่ หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีอย่างเดียว
แต่ถ้ามาดูสัดส่วนของหุ้นในพอร์ตการลงทุนนั้นจะพบว่า กองทุนพยายามให้ความสมดุลระหว่างหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี กับกลุ่มวัฏจักรในสหรัฐอเมริกา โดยกองทุนนี้มีแบ่งส่วนการลงทุนด้วยกันหลัก ๆ 3 อย่าง คือ
1. กลุ่ม Digital Advertising เช่น Facebook, Pinterest, Snap
2. กลุ่ม สถาบันการเงิน เช่น Morgan Stanley, PayPal, Square
3. กลุ่ม Technology Enabled หรือก็คือ ธุรกิจที่ใช้เทคโนโลยีสร้างนวัตกรรม เช่น Deere & Company, Freeport-McMoRan, Zillow Group
ทั้งกลุ่ม Digital Advertising และ Technology Enabled นั้นยังมีโอกาสเติบโตไปพร้อมกับการเปิดเมือง
ส่วนการลงทุนในกลุ่มสถาบันการเงิน จะช่วยสร้างสมดุล และลดความเสี่ยงของพอร์ตในเรื่องของอัตราเงินเฟ้อที่อาจปรับตัวสูงขึ้น ที่ทำให้กลุ่มของธุรกิจสถาบันการเงินนั้นได้รับประโยชน์ไปด้วย จากอัตราดอกเบี้ยที่จะปรับสูงขึ้น
ส่วนกองทุน B-FUTURE นั้น มีการกระจายลงทุนในธุรกิจ 3 กลุ่มคือ เทคโนโลยี Hypergrowth, อุตสาหกรรม และกลุ่มธุรกิจ Theme เปิดเมือง
โดยในส่วนของกลุ่ม Hypergrowth นั้น ทางผู้จัดการของกองทุน ก็ได้เน้นอย่างมาก กับการลงทุนในหุ้นที่ยังมี Valuation ไม่สูงจนเกินไป
นอกจากนี้ ทางกองทุนยังเน้นการลงทุนใน Theme อนาคต ไม่ได้เจาะจงในประเทศใดประเทศหนึ่ง โดยมีผู้จัดการกองทุนที่คอยปรับพอร์ตตามสถานการณ์การลงทุนต่าง ๆ
ด้วยนโยบายการบริหารแบบ Active Management ทำให้ B-FUTURE สามารถปรับเปลี่ยนพอร์ตให้เข้ากับสถานการณ์เศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไปได้ตลอดเวลา
เช่น หากมองว่าในระยะยาว หุ้นกลุ่มเอเชียหรือจีน ยังมีโอกาสเติบโตมาก ความกดดันของรัฐบาลจีนคลี่คลายลง แล้วยังมี Valuation ที่ไม่สูงเกินไป ทางกองทุนก็สามารถปรับน้ำหนักพอร์ตมาลงในหุ้นเอเชียหรือจีนเพิ่มขึ้นได้
ทำให้เห็นว่า B-FUTURE นั้นเป็นกองทุนที่สามารถทยอยสะสมเข้าได้เรื่อย ๆ และเหมาะสำหรับคนที่ไม่มีเวลามาก แต่อยากลงทุนในหุ้นแห่งอนาคต
สำหรับใครที่กำลังมองหาโอกาสในการลงทุน จากหุ้นในสหรัฐอเมริกา หรือหุ้นใน Theme อนาคต
ทั้งกองทุน B-USALPHA และ B-FUTURE ก็ยังเป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจ ที่ช่วยให้นักลงทุนสามารถสร้างผลตอบแทน ได้โดยมีผู้เชี่ยวชาญคอยดูแล พร้อมคอยปรับพอร์ตการลงทุนให้ในระยะยาว ซึ่งการใช้กลยุทธ์ DCA ทยอยลงทุนทุกเดือนก็เป็นวิธีการที่น่าสนใจ
คำเตือน
การลงทุนมิใช่การฝากเงินและมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจไม่ได้รับเงินลงทุนคืนเต็มจำนวนเมื่อไถ่ถอน (ไม่คุ้มครองเงินต้น) / ผู้ลงทุนต้องศึกษาและทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน / กองทุนที่มีการลงทุนในต่างประเทศมิได้มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งหมดหรือเกือบทั้งหมด ทั้งนี้อยู่ในดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน ดังนั้นผู้ลงทุนอาจขาดทุนหรือได้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจากการลงทุนในกองทุนดังกล่าว หรืออาจได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้
instagram strategy 在 Facebook 的最讚貼文
FASHION PHOTOGRAPHER – Không đơn thuần là chụp ảnh.
Một con người được trông là “Phông bạt”, trông “Nghề nghệ” nhưng cũng ngậm ngùi “Đắng cay” trong nền công nghiệp thời trang này. Một người có thể được xem là “Cánh tay phải” của Fashion Designer. Có những nhà thiết kế - việc tìm kiếm một photographer có thể truyền tải được sản phẩm, thông điệp và cái đẹp từ thời trang của họ rất khó. Mà nói nghe hơi sến sẩm tí có khi phải gọi là “Duyên Phận” vì không phải nhà thiết kế nào cũng đủ may mắn mà “Lựa mặt gửi vàng” được người chụp ảnh yêu thích của họ mà cũng không phải là một người chụp ảnh tài năng có cơ hội được tỏa sáng với đúng cá tính mạnh mẽ của họ với một thương hiệu thời trang trong công cuộc “Cơm áo gạo tiền” và “Thời trang nhanh” như ngày nay.
Fashion Photography là một bộ môn “nhiều môn phối hợp” khi những nhiếp ảnh gia phải đảm bảo cái đầu lạnh của mình trong việc cân bằng các yếu tố “Art/ Nghệ Thuật” và “Marketing/ Tiếp thị”. Vì suy cho cùng, hình ảnh làm ra là để làm gì. Tất nhiên là không phải là cho nhà thiết kế thời trang hay những người trong ekip coi rồi – vì cả đội chắc nhìn nguyên collection đến mức độ ngán ngẩm.
Hình ảnh làm ra là để cho khách hàng coi – những người sẽ quyết định chi tiền để mua sản phẩm đó. Vậy đâu đơn thuần là chụp ảnh. Vì trong đám khách hàng đó sẽ chia ra 2 nhóm chính là khách hàng trung thành (Khách hàng đã, đang sử dụng sản phẩm) và khách hàng tiềm năng (Khách hàng mới). Hình ảnh lạ quá thì khách hàng trung thành hoang mang, hình ảnh cũ quá thì không tiệm cận được khách hàng mới.
Dù các bạn nói rằng có Ekip hay Art Director (Mình sẽ nói sau) nhưng người bấm máy cuối cùng vẫn là Fashion Photographer. Họ không đơn thuần chỉ là nhìn và bấm mà các fashion photographer phải còn là người hiểu rõ nhất họ đang làm việc với ai? Fashion Designer nào? Bản chất của thương hiệu mà họ chụp là gì, model này đẹp ở góc nào – chỗ nào thần nhất. Tất cả những vẻ đẹp đó làm sao có thể đưa vào trong 1 khoảnh khắc “tĩnh” được, để người xem/khách hàng khi nhìn vào bức hình – họ phải có cảm giác khát vọng, phải trầm trồ lên “Ồ, tao phải mua nó”.
Chưa hết – nếu việc tới đó thì dẫu vẫn còn hơi sớm. Thời trang – là 1 ngành công nghiệp vô cùng khắc nghiệt và mức độ đào thải cực kì mạnh. Mày không sáng tạo, mày không có điểm lợi thế cạnh tranh, mày không thể khác biệt với người khác – tụi tao sẽ loại mày trong vòng nửa nốt nhạc. Điều này còn đúng hơn với các Fashion Photographer khi những bộ ảnh lookbook, những campaign/chiến dịch sẽ là “Bộ mặt của thương hiệu” để đi so sánh, đi phân bua với các thương hiệu khác trong cùng một khoảng thị trường. Nhiều khi quần áo chỉ dừng ở mức bình thường – nhưng hình ảnh quá đẹp, khách hàng hiểu nó, cảm nhận được nó sẽ thuyết phục tốt hơn ở một collection làm đồ đẹp ơi là đẹp nhưng bộ ảnh quá bình thường, người tiêu dùng không cảm được dẫn tới chẳng ai mua. Đó là tài năng của Fashion photographer với các phong cách đặc trưng của họ.
Bên cạnh đó, việc “thổi hồn” vào một bức ảnh cũng không hề dễ dàng. So với chụp một con người sống thì mọi thứ trông sẽ giản đơn hơn, nhưng ở đây là phải phối hợp giữa những đồ vật vô tri vô giác là quần áo và người mặc chúng – để quần áo có cái “hồn riêng”, có sự “mềm mại riêng” và “nhảy múa”. Nên nhớ Fashion là Fashion, việc chú trọng bậc nhất là quần áo – là những details/chi tiết chứ không phải là human/con người. Đó cũng là lí do có những nhiếp ảnh gia chụp người, chụp lifestyle rất giỏi nhưng vào fashion – họ lại không thành công. Còn những người mà làm được tất cả điều đó – thì họ là 1 quái nhân rồi. Nên cũng có Fashion Photographer this và Fashion Photographer that, có những người mãi lận đận – còn có những người thì được săn đón bởi các thương hiệu lớn.
Và như tiêu đề, một bộ hình đẹp thì công chúng vẫn chỉ biết tới thương hiệu và models hay tấm tắc “Hình đẹp quá” mà không cần biết và cũng chả cần biết ai là người chụp đó cả. Các Fashion Photographer thì theo mình họ không quan tâm lắm tới chuyện đó – “Hữu xạ tự nhiên hương” vì họ biết đặc trưng của họ sẽ lôi kéo được người xem và các nhãn hàng quan tâm và cần cái “Tôi lạ” của họ đó. Mình viết bằng lời văn thì Fashion Photographer giao tiếp bằng ngôn ngữ “Hình ảnh”.
Streetwear Photography – CHUYỂN ĐỘNG, CHUYỂN ĐỘNG VÀ CHUYỂN ĐỘNG
Đúng vậy, studio là studio mà street là street. Mỗi thứ hình ảnh ở hai địa điểm này đều có điểm lợi và điểm bất cập khác nhau. Studio là nơi mà các photographer hay Art director/D.O.P nắm trong tay quyền điều khiển trò chơi ánh sáng, bối cảnh và không gian nhưng tất nhiên không có tính thực tế của đường phố. Dù có cố gắng tới bao nhiêu thì tỉ lệ ra giống cũng chỉ đạt khoảng 70-80%. Còn đường phố - dù bất cập về điều kiện ánh sáng, về bối cảnh (Đặc biệt là con người, cây cối) nhưng đó là tự nhiên, là khoảnh khắc mà không bao giờ chúng ta có thể làm được một cách hoàn hảo nhất. Thời trang đường phố cũng thế.
Dạo qua các groups chuyên về thời trang ở Việt Nam – cái hình ảnh mà mình nhận được từ các bạn tham gia đó là “Look like a model in studio”/ Trông như 1 người mẫu đang đứng ở studio. Đó là việc đứng im một chỗ, ánh sáng nhờ chỉnh app hay dùng đèn flash của máy mà luôn “sáng mặt ăn tiền” một cách rất commercial. Nó y hệt như mình hồi xưa, mình đã từng nghĩ đó là đẹp. Nhưng đó không phải là vibing của street-wear. 10 người giống nhau chắc cả 8 lẫn 9.
Trên đường phố, từ NYC đến London, Seattle tới Tokyo và đặc biệt là Sài Gòn, con người luôn hối hả - luôn vận động. Mọi thứ chuyển động nhanh đến không ngừng, cuộc sống vốn dĩ là vậy. Cái hay của streetphotography hay ở đây là streetwear in “real street” đó chính là sự chuyển động, ánh sáng tự nhiên và không khí /atmosphere. Trong khi các thương hiệu bỏ tiền trăm, tiền tỉ để tổ chức runway nhằm cho người xem thấy đồ họ làm được mặc trên người mẫu như thế nào, trông quần áo như thế nào khi người mặc chúng chuyển động. Thì ở streetwear, mọi thứ này đều miễn phí – chỉ có điều là nó dành cho tất cả mọi người, chứ không phải chọn lọc như runway của highfashion. Cái thú vui của một người thích quan sát như mình khi ngắm nhìn người mặc đồ trên phố đó chính là cách họ chuyển động – khi họ đi bộ, chạy hay làm bất cứ động tác gì, quần áo sẽ “chuyển động” theo cơ thể của riêng họ. Từ đó, nếp gấp, xếp li hay form dáng của quần áo – sẽ được phơi bày 100% trước mắt người xem một cách tự nhiên nhất. Thứ mà mình không thể nào trải nghiệm hoàn hảo nếu ở Studio được.
Ở đường phố - nơi mà sự “Tĩnh” và sự “Động” luôn luôn dung hòa xung quanh. Nếu chúng ta đứng (Tĩnh) thì người khác sẽ di chuyển, xe cộ sẽ di chuyển, chiếc đèn đỏ cũng bật thành đèn xanh. Còn nếu ở Studio thì việc đó sẽ phụ thuộc vào model khá nhiều. Ánh sáng cũng vậy, ánh sáng cũng di chuyển ở đường phố vì ngay “cây đèn lớn nhất của street” là “Mặt Trời” cũng di chuyển theo chiều “Đông – Tây”
cơ mà. Đèn đường, đèn xe – có tĩnh có động, tất cả đều di chuyển hỗn loạn, tạo nên sự đặc trưng của đường phố.
Nếu bạn làm việc và muốn cố gắng trở thành một model, chẳng có chi sai nhưng nếu bạn muốn post ảnh hay về trang phục cá nhân lên 1 group thời trang nào đó. Đây chỉ là 1 tip hay nguyện vọng cá nhân của mình là hãy mang tới người xem một nét gì đó đường phố, mình đã ngán ngẩm việc một chương trình hay một nhóm có chữ Street to đùng mà ai cũng muốn như là model ở một studio rồi. Nên nhớ, việc các bạn chuyển động cũng hoàn toàn khác nhau giữa người – người, cho nên cùng mặc 1 bộ đồ mà cách di chuyển/chuyển động khác nhau cũng tạo nên điểm riêng biệt cho DNA của các bạn.
CỐNG HIẾN - Bill Cunningham – Trái tim nhiệt huyết của thời trang NewYork.
Nếu các bạn có thời gian, hãy coi bộ phim tài liệu về cố nhiếp ảnh gia Bill Cunningham – 1 huyền thoại 1 người đàn ông cần mẫn, luôn nở nụ cười và là niềm cảm hứng của biết bao con người đam mê thời trang tại thành phố New York. Và nếu các bạn yêu thích thời trang và những con người đứng đằng sau nó, thì Bill Cunningham có thể là tựa film, tựa sách mà bạn có thể hiểu thêm một phần nào đó của những con người thầm lặng, chỉ có người trong giới biết và sự đóng góp của họ. Làm về thời trang, không phải lúc nào cũng chăm chăm nhắm tới “ Tôi phải là Fashion Designer” để đưa lên Facebook/Instagram một cái tít le huyễn hoặc “Designer of brand ABC/XYZ” hay một dàn “Freelance Model” như hiện nay. Bạn yêu thích thời trang hay nền công nghiệp “Cá lớn nuốt cá bé này” – có ti tỉ cách để bạn tiếp cận, stylist – fashion marketing- fashion strategy – art director và tất nhiên rồi, không thể thiếu fashion photography.
Bill Cunningham, một người đàn ông với nụ cười tỏa nắng, thân thiện và mang sự dễ chịu cho mọi người. Là 1 cây cứng của tờ báo cũng cứng cựa không kém “The New York Times” nhưng Bill lại không hề “sang chảnh” với khả năng và địa vị mình đang có. Trong suốt 40 năm hoạt động của mình, Bill đã chụp ảnh về tất cả những gì liên quan đến thời trang dưới gu thẩm mĩ của mình tại mọi nơi mà ông ấy đến. Với chiếc xe đạp và chiếc máy ảnh, dù đã có lúc tuổi cũng đã cao – Bill vẫn căm cụi đi tìm về cái gọi là “Thời trang thật sự” – về những người yêu thời trang đúng với con mắt của mình. Bạn sẽ nghĩ Bill xuất hiện nhiều ở các runway, sự kiện thời trang nổi tiếng ư. Đúng vậy, nhưng Bill lại yêu đường phố hơn. Street photography/Streetwear là nơi Bill tìm được cảm hứng cho riêng mình, với ông – những người thực sự thể hiện phong cách riêng của mình mới chính là những ngôi sao thời trang. Cho nên, những tấm hình mà Bill chụp – đa dạng, nhưng đều có hồn và sự vui vẻ, tự nhiên của người được chụp cho đến người chụp.
Do đó, Bill Cunningham giành được trái tim của tất cả mọi người và đóng góp một năng lượng tích cực về lối suy nghĩ và thời trang. Trải qua nhiều nốt thăng trầm của cuộc sống và dĩ nhiên có cả nền công nghiệp thời trang, Bill Cunningham vẫn miệt mài hăng say đi làm việc nếu ông còn có thể. Niềm đam mê bất tận với photography và thời trang đã làm ông thành biểu tượng của The New York Times đến nỗi ai được ông chụp sẽ là 1 kỉ niệm đáng nhớ, chả thế mà Anna Wintour, người phụ nữ quyền lực của Vogue, phải thốt lên rằng: “We all get dressed for Bill”/ “Chúng tôi mặc đẹp là cho/vì Bill”.
Thế giới thời trang là 1 thế giới không phải như 1 quán ăn bình dân, quán rượu khi mọi người niềm nở và bày tỏ lòng mình. Gossip có, đả kích có – nhưng khi nhắc về Bill Cunningham, tất cả mọi người đều cười và bày tỏ một sự tôn trọng với ông. Chúng ta bị quyết rũ bởi trái tim tốt bụng và tâm hồn vì thời trang của ông ấy. Thông qua hình ảnh, Bill đưa cho người khác cơ hội thể hiện bản thân và tôn vinh họ.
Bill Cunningham đã qua đời vào ngày 25/06/2016 – để lại một hình ảnh trống vắng cho thành phố Newyork. Bộ phim tài liệu và tựa sách Bill Cunningham : New York như 1 lời tôn vinh và nhắc nhở cho hậu thế, về một con người cống hiến cho ngành thời trang này. Các bạn nên xem nhé.
Ủng hộ cho Bi tại:
Paypal: https://www.paypal.me/triminhle0808
Banking account: Vietinbank
STK: 104005424124 - Chủ tài khoản: Lê Minh Trí.
momo: https://nhantien.momo.vn/triminhle
instagram strategy 在 LIVIGRACE. CO Youtube 的最佳貼文
作為女生,如何成為更好的自己?影片分享6樣女生愈早知道愈好的事。成長路上我們總學習著如何做更好的自己,如何be the best version of yourself.這些事可能學校沒教,父母沒教,又或者年代不同了,女生要擔任的角色,女生要負責的事都不同。女生,這些事如果你早一知道,人生又會過得更美好。分享這影片給你身邊的女生,let's be the best version of ourselves.
LIVIGRACE.CO 這個頻道主要有關Instagram創業,網路生意及個人成長。旨在幫助更多女姓提升賺錢能力,不將就人生。學習更多Instagram增粉賺錢秘訣:https://masterclass.livigrace.online/
? 免費資源
//【 !!必看!! 60分鐘限時免費教學: IG快速增粉→6位數字收入】 https://masterclass.livigrace.online/
//【免費下載:INSTAGRAM創業-新手必讀手冊】 https://livigrace.online/free/
// 更多IG漲粉+創業的影片,拉到下面
================================
?跟我做朋友
// Instagram找我: IG創業 @livigrace.co 吃學玩樂@livigrace.online 學院@livigrace.academy
// 面書群組,互相支持 http://bit.ly/thebosssquadhk
// 了解更多 https://livigrace.online/
// 合作聯繫 support@livigrace.co
================================
?重點影片
//5 個步驟:創業新手如何利用Instagram推廣生意, 增加客人,提升收入
https://youtu.be/G0DwSHOC5TA
// 我的創業故事 (朝9晚6小資女必看)
https://youtu.be/s1YYlpeN7iQ
//如何IG天然增粉2倍- (真人粉絲,賺真錢!)
https://youtu.be/84MszvXeY5s
//1天內製作30天高質IG帖文(天天發帖文,不再擔心沒靈感了!)
https://youtu.be/MUkMH39MAjA
// Instagram Tips 增加客流量+暴光 實用5招
https://youtu.be/lKuTTeI43Sw
// Niche 如何設定 "明確"目標客群
https://youtu.be/gIuV_WV5zog
// IG愈多followers =愈多生意?(想用 IG 賺錢的人注意)
https://youtu.be/pT6x2cxr6Es
// IG followers又升又跌點算好?如個破解?
https://youtu.be/CQg3MOFzupQ
================================
?自覺好用,誠心推薦
// 我上過覺得好用的課程 https://livigrace.online/tools/
// Canva - 最愛的造圖工具(Youtube thumbnail, IG帖文限動都可)
用此連結有額外積分喔➡ https://livigrace.online/tools/
// Tubebuddy - 經營YouTube好幫手
https://livigrace.online/tools/
//【 SPARKSINE 精選閱讀APP】- 發帖文沒靈感?別再"參考"別人的IG了!
高質有價值的IG帖文好幫手
https://livigrace.online/tools/
➡ 以節扣碼「LIVIGRACE」年費訂閱即減HKD30
---
免責聲明:以上部分工具已參與聯盟營銷計劃。
當閣下購買時LIVIGRACE.CO將會因此賺取佣金。
================================
#instagramtips #instagram創業 #ig漲粉 #創業 #投資理財
https://youtu.be/v-yRxqh7heA
instagram strategy 在 林子安 AnViolin Youtube 的最佳貼文
■ 更多林子安:
INSTAGRAM:https://www.instagram.com/an__official/
FACEBOOK:https://www.facebook.com/Anviolin/
WEIBO:http://weibo.com/u/6511795600
Spotify:https://spoti.fi/2XmfcLw
各式工作演出邀約請私訊IG或臉書專頁
For business, please send private message to my Instagram or Facebook fan page.
■ 更多【Cover by AnViolin】:https://bit.ly/2vWVtF5
🎶樂譜連結 Sheet Music🎶
https://gum.co/uBLIc
(台灣請用蝦皮)https://shopee.tw/product/260436562/9970499218?smtt=0.260438387-1624511799.9
--
阿肆《熱愛105度的你》小提琴版本 | Violin cover by Lin Tzu An
《熱愛105度的你》本來是中國歌手阿肆在2019年為屈臣氏蒸餾水的廣告創作,是想表達屈臣氏蒸餾水採用105°C專業製作過程,關鍵環節要求精準控制在105°C。
但因為旋律輕鬆洗腦,變成了抖音神曲,爆紅後不少歌手也接連cover(反正剛好都關在家裡),就連台北市長柯文哲都來了(誤)
第一次聽會覺得這什麼歌啦😆可是不得不承認,這首洗腦程度非常適合當作廣告歌,聽完之後腦袋都是這首歌(柯市長版本),要考試的孩子絕對不能聽,不然作文第一句下筆恐怕會寫出super idol的笑容XDDDD
疫情期間大家情緒都很緊繃,來點輕鬆的音樂~~
留言告訴我484最愛我的版本,super idol笑容都沒我的甜😆😏
信義區香堤大道街頭演出變成登記制了,想聽我live版演出相關資訊,請追蹤Instagram限時動態!5/28-6/28 全台灣疫情三級警戒,街頭演出全部暫停。
雖然疫情狀態還不太明朗,大家關在家裡還是要多注意身體心理健康喔,我說你各位什麼熱愛105度,37.5度就....不要亂動,先打防疫專線「1922」!
--
This song was made by a China singer for commercial of Watsons in 2019. It was intended to say how professional and dedicated Watsons made their private brand bottle water.
But the melody was soooooo brainwashing, it became a hit on TikTok. Also, there were many singers from Taiwan covering the song. The most amazing and surprising cover would be the one made by the Mayor of Taipei City (It's actually someone whose voice sounds super similar to the mayor LOL)
I was like WTH the song it is but at the same time, I have to admit it's such a wise strategy to use this brainwashing song in the commercial. The song is automatically played in my head after listening to it for only once.
During the epidemic, everyone is very emotional. So I decided to have some fun in my cover =D
Another week, another cover. Let's goooo, hope y’all like this!
Should you have any request regarding cover songs, just comment below and let me know.
Also please share the video and subscribe to my channel https://bit.ly/2EsTGMQ.
Don't forget to click the 🔔 bell to be notified when my videos come out!
Visit me at Taipei Shin Kong Mitsukoshi Xinyi Plaza to enjoy more my live cover songs. Check it out details on my Instagram stories!
In light of the escalated measures on COVID-19 from the Taiwan government, my busking schedules are all canceled until June 28.
For more updated information , check it out on my Instagram stories!
Stay home, stay safe and stay healthy.
--
編曲Arrange:林子安 Lin Tzu An
混音mix:林子安 Lin Tzu An
小提琴 Violin: 林子安 Lin Tzu An
攝影師剪接師 Photographer & Film editor: Santon.W
文字編輯 Social media editor/manager: Lily Wu
--
🎻Sponsor AnViolin🎻
如果你喜歡我的影片的話,歡迎贊助我,讓我有更多資源去提升畫面與音樂。
贊助連結:
(台灣請用歐付寶)歐付寶:https://p.opay.tw/77sBF
(Via Paypal)Sponsorship:https://www.paypal.me/Anviolin
--
【Cover by AnViolin】每週上傳新的小提琴cover影片,
喜歡的話請訂閱我的頻道 https://bit.ly/2EsTGMQ
也記得開啟🔔訂閱通知,按讚留言分享給你家人朋友看!
還想看子安cover什麼歌?留言跟我說 !
--
#阿肆
#熱愛105度的你
#AnViolin
#SuperIdol的笑容都沒你的甜
#熱愛105度的你小提琴
#CoverSong
#ViolinCover
#CoverByAn
#林子安
#林子安小提琴
instagram strategy 在 LIVIGRACE. CO Youtube 的精選貼文
小資女資金不多但又想開始投資,該由哪裡開始入市策略?這影片會分享超級新手都會的投資方法及步驟。
今天是第二集的小資女投資(歡迎由第一部的投資影片從零開始學習投資,【小資女學投資 EP1 】投資BB班:5個步驟小資女學投資!第一步該做什麼?投資概念是什麼?https://youtu.be/Rw7O08Gs16U)
.
這個新的投資系列,因為我知道創業是需要一些氛圍,希望開這個投資的系列
可以給一些和我一樣,
完全不會投資 很想接觸
但是又不知道怎麼樣開始投資的女生
可以分享我的投資學習軌跡給你們
讓你們也可以有個投資理財借鏡來參考一下
.
我時常都說學習的氛圍是很重要的
如果你看到別人在學著投資, 做著投資
也會不其然的被人感染到
讓你也會願意踏前一步
那希望我分享我的投資進度, 也可以影響到你開始投資第一步
.
.
LIVIGRACE.CO 這個頻道主要有關Instagram創業,網路生意及個人成長。旨在幫助更多女姓提升賺錢能力,不將就人生。學習更多Instagram增粉賺錢秘訣:https://masterclass.livigrace.online/
? 免費資源
//【 !!必看!! 60分鐘限時免費教學: IG快速增粉→6位數字收入】 https://masterclass.livigrace.online/
//【免費下載:INSTAGRAM創業-新手必讀手冊】 https://livigrace.online/free/
// 更多IG漲粉+創業的影片,拉到下面
================================
?跟我做朋友
// Instagram找我: IG創業 @livigrace.co 吃學玩樂@livigrace.online 學院@livigrace.academy
// 面書群組,互相支持 http://bit.ly/thebosssquadhk
// 了解更多 https://livigrace.online/
// 合作聯繫 support@livigrace.co
================================
?重點影片
//5 個步驟:創業新手如何利用Instagram推廣生意, 增加客人,提升收入
https://youtu.be/G0DwSHOC5TA
// 我的創業故事 (朝9晚6小資女必看)
https://youtu.be/s1YYlpeN7iQ
//如何IG天然增粉2倍- (真人粉絲,賺真錢!)
https://youtu.be/84MszvXeY5s
//1天內製作30天高質IG帖文(天天發帖文,不再擔心沒靈感了!)
https://youtu.be/MUkMH39MAjA
// Instagram Tips 增加客流量+暴光 實用5招
https://youtu.be/lKuTTeI43Sw
// Niche 如何設定 "明確"目標客群
https://youtu.be/gIuV_WV5zog
// IG愈多followers =愈多生意?(想用 IG 賺錢的人注意)
https://youtu.be/pT6x2cxr6Es
// IG followers又升又跌點算好?如個破解?
https://youtu.be/CQg3MOFzupQ
================================
?自覺好用,誠心推薦
// 我上過覺得好用的課程 https://livigrace.online/tools/
// Canva - 最愛的造圖工具(Youtube thumbnail, IG帖文限動都可)
用此連結有額外積分喔➡ https://livigrace.online/tools/
// Tubebuddy - 經營YouTube好幫手
https://livigrace.online/tools/
//【 SPARKSINE 精選閱讀APP】- 發帖文沒靈感?別再"參考"別人的IG了!
高質有價值的IG帖文好幫手
https://livigrace.online/tools/
➡ 以節扣碼「LIVIGRACE」年費訂閱即減HKD30
---
免責聲明:以上部分工具已參與聯盟營銷計劃。
當閣下購買時LIVIGRACE.CO將會因此賺取佣金。
================================
#instagramtips #instagram創業 #ig漲粉 #創業 #投資理財
https://youtu.be/_TEtzXLcmMc
instagram strategy 在 Instagram Strategy for 2023: What You Need to Know - YouTube 的推薦與評價
Instagram strategy for me has been this moving target, where I feel NO ONE ever really knows what's working… You can listen to 5 Instagram ... ... <看更多>
instagram strategy 在 120 Instagram Marketing Ideas in 2023 - Pinterest 的推薦與評價
Jun 1, 2023 - Instagram Marketing means you need and Instagram strategy. Using Instagram for business can be fun and easy once you have lots of Instagram ... ... <看更多>
instagram strategy 在 Best Instagram Strategy In 2023 - YouTube 的推薦與評價
Explore the Best 2023 Instagram Strategy with Social Media Examiner and Jerry Potter featuring Millie Adrian.⌛ Social Media Marketing World ... ... <看更多>