ทีมตัวแทนจำหน่าย Ratalaika Games และนักพัฒนา Headware Games ได้ประกาศเปิดตัว Chasing Static เกมแนวสยองขวัญที่มีภาพกราฟิกสไตล์ PlayStation 1
.
Nathan Hamley ผู้ก่อตั้ง Headware Games กล่าวแถลงการณ์เกี่ยวกับแรงบันดาลใจในการสร้าง Chasing Static เขากล่าวว่าสมัย PlayStation 1 มีเกมแนวสยองขวัญยอดเยี่ยมให้เลือกเล่นมากมาย แล้วเกมเหล่านั้น ทำให้เขาต้องความทรงจำไว้เป็นฝันร้ายหลายปี ซึ่งเกมนี้ได้มีความพยายามที่จะแสดงความเคารพต่อเกมสยองขวัญคลาสสิกอย่างแท้จริง
.
นอกจากนี้ เนื้อเรื่องของ Chasing Static ได้รับแรงบันดาลใจจากภาพยนตร์ยุค 80's แนวสยองขวัญ Sci-fi บรรยากาศเซอร์เรียลหลายเรื่อง โดยเนื้อหาของเกมจะดำเนินแบบไม่เป็นเส้นตรง และมีระบบเกมเพลย์ที่เต็มไปด้วยเอกลักษณ์
.
Chasing Static มีแผนวางจำหน่ายช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2021 บนระบบ PC (ผ่าน Steam), PlayStation 4, PlayStation 5, Xbox One, Xbox Series X/S และ Nintendo Switch หากผู้เล่นสนใจเกมดังกล่าว ก็สามารถดาวน์โหลดเล่นเกมเวอร์ชัน Demo มาลองเล่นได้ผ่านหน้าร้านค้า Steam
.
Chasing Static (Steam) https://store.steampowered.com/app/1319420/Chasing_Static/
.
Chasing Static - Reveal Trailer - Remastered https://www.youtube.com/watch?v=v5vQpULX2sE
.
ที่มา: https://www.gematsu.com/2021/03/ps1-style-horror-game-chasing-static-launches-in-q3-2021-for-ps5-xbox-series-ps4-xbox-one-switch-and-pc
.
#ข่าวเกม #GamingDose #ChasingStatic
80's sci fi 在 หนังโปรดของข้าพเจ้า Facebook 的最佳貼文
AVP: Alien vs. Predator (2004) สามารถดูได้ใน Netflix
• ชอบไอเดียหนังมาก ใครจะไปคิดว่าจะมีคนบ้าจับเอาสองแฟรนไชส์คลาสสิกมาสู้กันได้เฉยเลย เสียดายแค่ว่าหนังมันไม่อลังเท่าที่ควร
• ไม่แน่ใจว่าทั้งเรื่องพูดกันกี่ประโยค ยิ่งตอนหลังจากเอเลี่ยนกับพรีเดเตอร์ปรากฎตัวนี่แทบจะเป็นหนังเงียบเลยเพราะเหลือมนุษย์รอดไม่กี่คน แถมไม่ค่อยจะสนทนากันด้วย
• ฉากเอเลี่ยนดวลพรีเดเตอร์ครั้งแรก ยกให้เป็น the best ของการ crossover เลย ไม่รู้ว่ายุคนี้จะมีลิขสิทธิ์แฟรนไชส์ไหนข้ามมาเจอกันได้อีก
• ที่ยกให้เป็น the best คือทึ่งที่เห็นสองตัวนี้มาดวลกันเฉย ๆ นะ แต่คุณภาพการออกแบบฉากต่อสู้ไม่ได้เรื่องเลย ตัดต่อเร็วและรัวจนดูไม่ฉากบู๊ไม่สนุกอ่ะ
-------------------------------------
จริง ๆ หนังเดี่ยว Alien กับ Predator นี่ระดับตำนานเลยนะ (ส่วนตัวเฉย ๆ กับ Alien ของริดลีย์ สก็อตต์ และไม่ชอบเวอร์ชั่นคาเมร่อน ส่วน Predator ต้นฉบับนี่คือระดับ 9/10 ของเพจ) เป็นตำนานในยุค 80's ที่ภาคต่อมาดับในยุค 90's พอเข้าสู่ยุค 2000's เลยมีความพยายามจะปั้นขึ้นมาใหม่ ซึ่งไม่รู้คุยกันท่าไหนถึงออกมาเป็นการ crossover แบบที่เห็น พล็อตเรื่องไม่ต้องไปสนใจ แค่แถให้พรีเดเตอร์มาล่าเอเลี่ยนบนโลกมนุษย์ ส่วนจุดขายจริง ๆ คือการล่าและฉากต่อสู้ ที่ทำออกมาได้น่าผิดหวัง โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาว่าอุตส่าห์เป็นการ crossover แห่งยุคแล้วเชียว
.
ในแง่บทมันล้มเหลวในการเสียเวลาปูพื้นตัวละครมนุษย์ยาวไปหน่อย อันที่จริงหนังก็แนะนำตัวละครแค่ไม่กี่คนสั้น ๆ แต่สุดท้ายมนุษย์ในเรื่องก็แทบไม่มีประโยชน์อะไรอยู่ดี โผล่มาแค่เป็นเหยื่อให้เอเลี่ยนฟักตัวและพรีเดเตอร์ไล่ยิงเล่น กว่าหนังจะเริ่มเอาพรีเดเตอร์มาดวลเอเลี่ยนก็แทบหลับไปแล้ว ฉากต่อสู้ตัดต่อรัวมาก เน้นโชว์แค่อาวุธและโคลสอัพทั้งสองฝ่ายภายใต้ฉากมืด ๆ พอทั้งมืดและตัดต่อรัว แทบไม่มีฉากต่อเนื่องยาว ๆ ผลคือดูแทบไม่ออก เข้าใจว่าหนังพยายามใช้ cgi น้อยที่สุด เลี่ยงไปใช้คนใส่ชุดไม่ก็หุ่นกับหุ่นย่อส่วน เลยต้องใช้การตัดต่อช่วยเยอะ แต่เอาเข้าจริงถ้าเลี่ยง cgi แล้วคุณภาพออกมาแบบนี้ ยอมใช้ cgi เถอะ
.
ดูเพลิน ๆ แบบเก็บเข้าคลังก็ไม่เสียหายอะไรนะ ไม่ได้มีบ่อย ๆ ที่จะ crossover กันได้แบบนี้ แต่อย่าหวังคุณภาพหนังมากก็พอ
Director: Paul W.S. Anderson (ผู้กำกับ Resident Evil, Mortal Kombat)
Genre: action, sci-fi, horror
6.5/10
80's sci fi 在 หนังโปรดของข้าพเจ้า Facebook 的精選貼文
Terminator: Dark Fate (2019) เข้าฉายแล้ววันนี้
• พอเจมส์ คาเมร่อน กลับมาคุมงานที่เขาให้กำเนิด ก็เหมือนเป็นการชุบชีวิต Terminator ให้กลับมาโลดแล่นได้สำเร็จอีกครั้ง
• แทบจะคืนสู่รากเหง้าหนังแอ็คชั่นแบบยุค 80's ทั้งเรื่องไม่ต้องสนใจบทมาก ไปดูแอ็คชั่นแบบไม่มีพักหายใจตั้งแต่ต้นจนจบ ในโปรดักชั่นจัดหนักเทคนิคพิเศษแบบหนังยุคใหม่
• เอาจริง ๆ มันแทบจะไม่เกี่ยวข้องกับ Terminator 2: Judgment Day มากขนาดบังคับดู (ซึ่งดีสำหรับการเปิดตลาดใหม่) ต่อให้ไม่เคยดูก็ยังสนุกได้อยู่
• แต่อาจจะไม่อินกับประโยคคลาสสิกของหนังชุดนี้ ทั้ง Come with me if you want to live. และ I’ll be back.
-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-
การโปรโมท Terminator: Dark Fate ชวนให้นึกถึง Aquaman มาก ๆ พูดกันตามตรงแล้วต้องบอกว่าแฟรนไชส์ Terminator ไม่ใช่หนังชุดที่ประสบความสำเร็จมากเท่าที่สตูดิโอคาดหวัง ตัวบ่งชี้ชัดเจนคือสุดท้าย Terminator Genisys ก็เป็นหนังคว่ำแห่ง Box Office แต่ด้วยชื่อชั้นคนเหล็กมันยังพอขายได้อยู่ การที่ CEO ของ Skydance Media ตัดสินใจดึงเจมส์ คาเมร่อน กลับมาทำต่อจึงเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เพราะคงไม่มีใครเข้าใจหนังชุดนี้ได้ดีไปกว่าคนให้กำเนิด เพียงแต่คาเมร่อนเลือกจะไม่สานต่อเรื่องราวจาก Genisys ตามที่สตูดิโอวางแผนไว้ แต่เลือกจะกลับไปสานต่อจาก Judgment Day โดยแกล้ง ๆ ลืมไปว่าโลกนี้เคยมีภาค Rise of the Machines และ Salvation มาก่อน แต่นั่นแหละ คาเมร่อนและสตูดิโอยังต้องสู้กับความไม่ไว้วางใจของคนดูอยู่ดี
.
สิ่งที่เรานึกถึง Aquaman คือ ตอนนั้น DC กำลังย่ำแย่จากกระแสลบของ Justice League อยู่ ทั้งรายได้และคำวิจารณ์พังมาก ทำให้ตอนโปรโมท Aquaman จึงต้องขนแทบจะทุกอย่างในหนังออกมาขาย กระทั่งตัดฉากเด็ด 5 นาทีออกมาโปรโมทเพื่อโชว์งานแอ็คชั่นด้วยซ้ำ ก่อนจะประสบความสำเร็จด้านรายได้เป็นอย่างดี เช่นเดียวกับ Terminator: Dark Fate ที่เลือกจะตัดฉากแอ็คชั่นไล่ล่าบนทางด่วนออกมาขายในโรง IMAX เพื่อโชว์ว่าหนังไม่ได้มาเล่น ๆ ซึ่งเราก็ยืนยันเช่นนั้นว่าฉากแอ็คชั่นในหนังจัดเต็มมาก ที่ชอบคือมันมาแบบแทบไม่ต้องพักหายใจกันเลยทีเดียว มีเบรคไปบิ๊วความเข้มข้นช่วงกลางเรื่อง นอกนั้นจัดหนักยิงยาว
.
พล็อตมันไม่มีอะไรเลย แค่โลกอนาคตส่งหุ่นรุ่นใหม่ 'เรฟไนน์' (Gabriel Luna) ย้อนเวลามาสังหาร 'แดนี่' (Natalia Reyes) แต่เช่นเดียวกันที่โลกอนาคตก็ส่ง 'เกรซ' (Mackenzie Davis) คนดัดแปลงร่างกายเป็นหุ่นย้อนเวลากลับมาปกป้องเป้าหมายเช่นกัน ทั้งเรื่องจึงเป็นหนังไล่ล่าที่ฝ่ายถูกล่าความสามารถเป็นรองหลายขุม
.
ถ้านับฉากแอ็คชั่นใหญ่ ๆ แล้วเหมือนจะจัดหนักแค่สองรอบ คือตอนต้นเรื่องกับตอนท้ายเรื่อง แต่ความจัดหนักของหนังคือความต่อเนื่องจากจุด A ไป B ที่ยิงยาวได้สนุกสุด ๆ อย่างฉากเปิดมาสู้กันในโรงงานจบปุ๊บไปต่อกันบนถนนได้เดือดสุด ๆ เราชอบการโชว์ฉากต่อสู้ระยะประชิดที่ดูเป็นคนเหล็กสู้กัน มันมีการใช้ของหนักในโรงงานเป็นตัวช่วยต่อสู้ มีโชว์ลูกพริ้วคล่องแคล่วลื่นไหลของมนุษย์ดัดแปลงที่ต้องต่อกรกับจักรกลที่ว่องไวไม่แพ้กัน พอมาลูกเล่นนี้เลยรู้สึกถึงความหนักในการสู้มากกว่าเวลาดูหนังคน vs. คน เช่นเดียวกับฉากไล่ล่าบนทางด่วนที่ไม่ต้องกังวลกายภาพของมนุษย์มากนัก เลยเป็นโอกาสที่หนังจะได้สร้างความแตกต่างออกมาจาก car chase ในเรื่องอื่น ๆ ซึ่งหนังก็ทำแบบนี้ไปถึงฉากไล่ล่ายาว ๆ ตอนท้ายเรื่อง ฟีลตายยากตายเย็นและต้องหาทางหยุดเจ้าเรฟไนน์นี่สนุกจริง ๆ
.
ส่วนดีอีกอย่างของภาคนี้คือช่วงพักหายใจหายคอตอนกลางเรื่อง หนังสามารถสร้างอารมณ์ร่วมบางอย่างที่ทำให้ตัวละครไม่แข็งและแห้งแบบหุ่นยนต์ในภาคก่อน ๆ ตั้งแต่การที่เลือกให้ เกรซ เป็นมนุษย์ดัดแปลงร่างกายมาสู้กับหุ่นยนต์ที่รับคำสั่งอย่างเดียว เช่นเดียวกับบทของ อาร์โนลด์ ชวาร์เซเนกเกอร์ ที่ดูจะได้รับความใส่ใจจากทีมเขียนบทจนทำให้เรารู้สึกเอาใจช่วย ไม่ใช่สนุกไปกับแค่การไล่ล่าและภารกิจปกป้องคนสำคัญ
.
เอาเป็นว่าเชียร์ให้คอหนังแอ็คชั่นห้ามพลาดจริง ๆ
Director: Tim Miller (ผู้กำกับ Deadpool)
story: James Cameron, Charles H. Eglee, Josh Friedman, David S. Goyer, Justin Rhodes
screenplay: David S. Goyer, Justin Rhodes, Billy Ray
Genre: action, adventure, sci-fi
7.5/10