NETbay บริษัทเทคโนโลยี สัญชาติไทย ที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ /โดย ลงทุนแมน
หลายคนอาจแปลกใจถ้าได้รู้ว่า บริษัทเทคโนโลยีสัญชาติไทย มูลค่ากว่า 5,000 ล้านบาท
ไม่ได้ก่อตั้งโดยคนที่จบด้านไอทีหรือด้านเทคโนโลยีเลย
บริษัทที่เรากำลังพูดถึงนี้ มีชื่อว่า บริษัท เน็ตเบย์ จำกัด (มหาชน) หรือเรียกสั้น ๆ ว่า “NETbay”
บริษัทนี้ทำธุรกิจอะไร แล้วผู้ก่อตั้งคนที่เราพูดถึงนี้คือใคร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
NETbay ก่อตั้งโดยคุณพิชิต วิวัฒน์รุจิราพงศ์
ชายผู้เรียนจบทางด้านรัฐศาสตร์ แต่กลับมาเอาดีทางด้านเทคโนโลยี
แต่เดิมนั้นคุณพิชิตทำธุรกิจซื้อมาขายไป
โดยเป็นการนำเข้าเครื่องพิมพ์มาขาย
ซึ่งในช่วงแรกนั้นธุรกิจนี้ทำกำไรได้ค่อนข้างดี
แต่เมื่อเวลาผ่านไปธุรกิจนำเข้าเครื่องพิมพ์
เริ่มทำกำไรน้อยลงเรื่อย ๆ ทำให้เขาต้องเริ่มมองหาธุรกิจใหม่
ระหว่างนั้นเขาได้มีโอกาสอ่านหนังสือเกี่ยวกับการทำธุรกิจด้านไอที 2 เล่ม
หนึ่งในนั้นคือ “Business @ the Speed of Thought”
ซึ่งเขียนโดย บิลล์ เกตส์ หนึ่งในผู้ก่อตั้งบริษัท Microsoft
ประโยคสำคัญในหนังสือของบิลล์ เกตส์
ที่เป็นการจุดประกายในการเข้าสู่ธุรกิจไอทีให้คุณพิชิตนั่นคือ
“ถ้าเราไม่รีบปรับตัวให้ทันกับโลกเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว สุดท้ายเราจะเป็นคนที่โดนกระแสแห่งการเปลี่ยนแปลงเข้าเล่นงาน”..
พอเรื่องเป็นแบบนี้ คุณพิชิตจึงตั้งใจหันหน้าเข้าสู่โลกไอที
โลกธุรกิจใหม่ที่เขาแทบจะไม่มีความรู้เลยแม้แต่น้อย
เพียงสิ่งเดียวที่มีคือความเชื่อมั่น ว่าเทคโนโลยีและโลกดิจิทัล จะเข้ามาเปลี่ยนโลกในอนาคต
เขาเริ่มต้นด้วยการตั้งบริษัทด้วยทีมงานไม่กี่คน ช่วงแรกลองผิดลองถูกอยู่หลายอย่าง
ซึ่งคุณพิชิตบอกว่า เขาสังเกตเห็นธุรกิจลักษณะนี้เกิดขึ้น และประสบความสำเร็จในต่างประเทศมาก่อน จึงนำมาปรับใช้ทำธุรกิจที่ประเทศไทย
ธุรกิจของเขาในช่วงเริ่มต้น ถือเป็นธุรกิจ Startup ที่เริ่มจากการให้บริการ Software as a Service (SaaS) และ Platform as a Service (PaaS)
อธิบายง่าย ๆ เป็นบริษัทที่พัฒนาซอฟต์แวร์และแพลตฟอร์มของตัวเองขึ้นมา แล้วเปิดให้ลูกค้าเข้ามาใช้งาน จากนั้นจึงเก็บค่าบริการตามการใช้งานจากผู้ใช้บริการ
ในสมัยนั้น ดิจิทัลแพลตฟอร์มที่ว่านี้ ยังเป็นอะไรที่ค่อนข้างใหม่ในประเทศไทย
ทำให้การเข้าถึงแหล่งเงินทุนของเขานั้นถือว่าทำได้ยากมาก และช่วง 4 ปีแรกที่ก่อตั้งบริษัท ธุรกิจของเขาไม่มีกำไรเลย
จุดเปลี่ยนสำคัญของบริษัทคือ การเริ่มพัฒนาซอฟต์แวร์และแพลตฟอร์ม สำหรับสร้างและส่งใบขนสินค้านำเข้า-ส่งออกแบบอิเล็กทรอนิกส์ ให้ผู้ประกอบการใช้งานเพื่อผ่านพิธีการศุลกากร
เนื่องจากสมัยก่อน ขั้นตอนพิธีการศุลกากรค่อนข้างยุ่งยาก ล่าช้า และมีเอกสารที่ต้องใช้ประกอบเป็นจำนวนมาก ทำให้ทั้งผู้นำเข้า-ส่งออก หรือแม้แต่กรมศุลกากรมักมีอุปสรรคในการทำงานร่วมกัน
ความสำเร็จในครั้งนั้นถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของบริษัท
ทำให้ในเวลาต่อมา NETbay เป็น 1 ใน 3 บริษัทที่ได้เป็น e-Customs Gateway หรือ ผู้ทำหน้าที่พัฒนาระบบงานในการสร้างเอกสารอิเล็กทรอนิกส์สำหรับขนสินค้าขาเข้าและขาออก และให้บริการรับส่งเอกสารดังกล่าวเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ของกรมศุลกากร
โดยปัจจุบัน ธุรกิจของ NETbay คือการคิดค้นและพัฒนาดิจิทัลแพลตฟอร์ม ในการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์แบบครบวงจร โดยมีลูกค้าทั้งภาครัฐและภาคเอกชน
ทั้งนี้ NETbay จะเป็นผู้สร้าง Ecosystem ของแพลตฟอร์ม โดยใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยให้เกิดความเชื่อมโยงกันของทุกฝ่าย และบริษัทจะเก็บค่าบริการจากลูกค้าที่เข้ามาใช้งานดิจิทัลแพลตฟอร์ม
ซึ่งค่าบริการที่บริษัทเรียกเก็บจากลูกค้านั้นจะมีทั้งค่าบริการต่อรายธุรกรรม (Pay per Transaction) และเรียกเก็บค่าบริการเป็นรายเดือน (Monthly Fee)
การเติบโตของบริษัท ทำให้ในปี 2559 NETbay ได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ซึ่งนับว่าเป็นสตาร์ตอัปเจ้าแรกในไทย ที่เข้ามาจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยได้
ปัจจุบัน โครงสร้างรายได้ของบริษัทเกิดมาจาก 4 กลุ่ม
- ธุรกิจ E-Logistics Trading เช่น บริการพิธีการศุลกากร รายงานบัญชีสินค้าเข้า-ออกแบบไร้เอกสาร
- ธุรกิจ E-Business Services เช่น บริการตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้า ให้แก่สถาบันการเงิน
- ธุรกิจ E-Payment บริการรับส่งข้อมูลการรับชำระเงิน
- ธุรกิจที่มีลักษณะเป็นรายโครงการ (Projects)
โดยบริการของ NETbay นั้นครอบคลุมหลายกลุ่มตั้งแต่ ภาคธุรกิจกับภาครัฐ (B2G), ภาคธุรกิจกับภาคธุรกิจ (B2B) และระหว่างภาคเอกชนกับประชาชนหรือผู้บริโภค (B2C)
รายได้และกำไรของ บริษัท เน็ตเบย์ จำกัด (มหาชน)
ปี 2561 รายได้ 368 ล้านบาท กำไร 149 ล้านบาท
ปี 2562 รายได้ 422 ล้านบาท กำไร 179 ล้านบาท
ปี 2563 รายได้ 394 ล้านบาท กำไร 156 ล้านบาท
รายได้และกำไรที่ลดลงในปีล่าสุด
ก็เพราะการระบาดของโควิด 19 กระทบกับธุรกิจนำเข้า-ส่งออกและกลุ่ม Logistics Supply Chain ซึ่งถือเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของบริษัท
อย่างไรก็ตาม จุดเด่นอย่างหนึ่ง ที่เห็นได้ชัดคือ NETbay เป็นบริษัทที่มีอัตรากำไรสุทธิค่อนข้างสูง
โดยรายได้ทุก 100 บาท จะเป็นกำไรให้บริษัทถึงประมาณ 40 บาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 40% เลยทีเดียว
ซึ่งการที่บริษัทมีอัตรากำไรสุทธิค่อนข้างสูง เนื่องจากธุรกิจของบริษัทนั้นเป็นธุรกิจให้บริการโดยลงทุนพัฒนาแพลตฟอร์มทางเทคโนโลยีให้ลูกค้าใช้
โดยธุรกิจลักษณะนี้ ส่วนใหญ่จะลงทุนพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานหนัก ๆ ไปแล้วในช่วงแรก
และเมื่อยิ่งมีลูกค้าใช้งานมากขึ้น รายได้ก็จะเริ่มไหลเข้ามามาก
แต่ต้นทุนจะไม่เพิ่มสูงมากตามไปด้วย จากการที่ลงทุนวางพื้นฐาน วางระบบไว้แล้วในเบื้องต้น
จึงทำให้บริษัทมีอัตรากำไรที่สูงได้นั่นเอง
และด้วยความที่เป็นธุรกิจบริการที่ต่างจากธุรกิจผลิตสินค้า
บริษัทจึงไม่มีความจำเป็นที่ต้องจัดหาวัตถุดิบในการผลิต จึงไม่มีภาระเกี่ยวกับต้นทุนในสินค้าคงคลัง และค่าใช้จ่ายในการกระจายสินค้าไปให้ลูกค้าเหมือนธุรกิจผลิตสินค้า
นอกจากนี้ แนวโน้มหลายธุรกิจที่เข้าสู่การทำธุรกรรมแบบไร้เอกสาร (Paperless) มากขึ้น ก็น่าจะถือเป็นโอกาสของบริษัทในการเติบโตในอนาคตเช่นกัน
ส่วนปัจจัยเสี่ยงของ NETbay ที่มีอยู่ ก็อย่างเช่น
ธุรกิจหลักของบริษัท คือ การให้บริการพิธีการศุลกากรทางอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งต้องมีการเชื่อมต่อกับระบบคอมพิวเตอร์ของศุลกากร
โดยที่นอกจาก NETbay แล้ว ก็ยังมีเจ้าอื่นอีก 2 ราย ที่ให้บริการในลักษณะเดียวกัน และทุกรายที่กรมศุลกากรเลือกใช้บริการ ก็ไม่ได้มีการให้สัมปทานแต่อย่างใด
ทำให้อาจมีความเสี่ยงเรื่องการเปลี่ยนแปลงและการแข่งขันกับผู้เล่นรายใหม่ได้ตลอดเวลา
นอกจากนั้นหากเกิดมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายจากภาครัฐ
ที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ในรูปแบบต่าง ๆ
หรือองค์กรในภาครัฐและเอกชนที่เลือกใช้แพลตฟอร์มของบริษัท เปลี่ยนไปใช้บริการดิจิทัลแพลตฟอร์มของผู้เล่นรายอื่น ก็ถือเป็นโจทย์ ที่ต้องติดตามสำหรับ NETbay ในอนาคตเช่นกัน..
หมายเหตุ: บทความนี้ไม่ได้ชี้นำให้ซื้อหรือขายหุ้นตัวนี้ การลงทุนมีความเสี่ยง โปรดศึกษาข้อมูลให้ครบถ้วนก่อนการตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-แบบแสดงรายการข้อมูลประจำปี 2563, บริษัท เน็ตเบย์ จำกัด (มหาชน)
-https://knowledge.bualuang.co.th/knowledge-base/maojummai-NETbay/
-แบบฟอร์ม 56-1 2562, บริษัท เน็ตเบย์ จำกัด (มหาชน)
-https://www.youtube.com/watch?v=1_mGXfsDY4Y
-https://www.youtube.com/watch?v=Hevyhw7UGq8
-https://www.tiscowealth.com/trust-magazine/issue-55/people.html
ธุรกิจ trading คือ 在 ลงทุนแมน Facebook 的精選貼文
SMEs และ Startups จะสามารถระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ได้แล้ว
หากพูดถึง “แหล่งเงินทุน” ในการทำธุรกิจ
หลายคนคงนึกถึง..การขอสินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์ต่างๆ
แล้วจะเป็นอย่างไร? หากธุรกิจ SMEs และ Startups จะสามารถระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ได้
ไม่ต่างจากบริษัทมหาชน ที่มีการระดมทุนผ่าน SET และ mai...
เรื่องนี้กำลังเกิดขึ้นแล้วในประเทศไทย…
ในรูปแบบตลาดหลักทรัพย์สําหรับ SMEs และ Startups ผ่าน Platform ที่มีชื่อว่า LiVE Platform
แล้ว LiVE Platform มีความน่าสนใจอย่างไร?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ปฏิเสธไม่ได้ว่า หนึ่งกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยคือ ธุรกิจ SMEs
รู้หรือไม่ว่า..สัดส่วน 1 ใน 3 ของ GDP ประเทศไทย
มาจากภาคธุรกิจ SMEs ที่มีมูลค่า 5.96 ล้านล้านบาท
และสัดส่วนการจ้างงาน 2 ใน 3 ของประเทศไทย
ก็มาจากภาคธุรกิจ SMEs ที่มีจำนวนการจ้างแรงงานสูงถึง 12 ล้านคน
ในแต่ละปี ภาคธุรกิจ SMEs ยังสร้างรายได้เข้าประเทศ ด้วยมูลค่าการส่งออกนับล้านล้านบาท อีกด้วย
แต่นอกจากความสำคัญของธุรกิจ SMEs ที่มีต่อเศรษฐกิจไทยแล้ว
ยังมีอีกหนึ่งประเภทธุรกิจที่กำลังมาแรงในยุคนี้ นั่นก็คือ ธุรกิจ Startups
ธุรกิจ Startups มีรูปแบบการทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี
ที่ก่อให้เกิดการทำซ้ำได้ (repeatable) ขยายตัวได้ง่าย (scalable)
จึงสามารถสร้างการเติบโตของธุรกิจได้อย่างก้าวกระโดด
ตัวอย่างธุรกิจ Startups สัญชาติไทยที่ประสบความสำเร็จ เช่น
Pomelo ร้านเสื้อผ้าออนไลน์ ที่สามารถระดมทุนระดับซีรีส์ C (ระดับขยายกิจการเข้มข้น)
Sunday แพลตฟอร์มซื้อขาย และให้บริการประกันภัย ที่สามารถระดมทุนระดับซีรีส์ B (ระดับขยายกิจการ)
Ookbee แพลตฟอร์ม E-Book ที่สามารถระดมทุนระดับซีรีส์ C (ระดับขยายกิจการเข้มข้น)
แต่ก็ต้องยอมรับว่า สัดส่วน 64% ของธุรกิจ Startups ไทย
ยังคงอยู่ในขั้น Seed Funding Stage...
นั่นหมายความว่า ธุรกิจ Startups ไทยยังคงอยู่ในขั้นตอนของการคิดค้นและสร้างสินค้าตัวแรก
ซึ่งหากสินค้าได้รับความนิยม จึงจะสามารถก้าวไปสู่ขั้นตอนของการระดมทุนต่อไปได้
แน่นอนว่า..ความสำเร็จในโลกธุรกิจ SMEs และ Startups ไม่ได้โรยไปด้วยกลีบกุหลาบ
เพราะอุปสรรคในการทำธุรกิจ SMEs และ Startups ต่างต้องเผชิญความท้าทายมากมาย
ทั้งในด้านการเข้าถึงแหล่งเงินทุน, การสนับสนุนด้านเทคโนโลยี, การบริหารจัดการธุรกิจ
ด้วยเหตุนี้ จึงกลายเป็นจุดเริ่มต้นของ “LiVE Platform”
LiVE Platform ทำหน้าที่เป็นตลาดหลักทรัพย์สำหรับ SMEs และ Startups หรือ SME Board
ภายใต้การดำเนินการของกลุ่มตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
แล้ว LiVE Platform จะเข้ามาช่วยเหลือธุรกิจ SMEs และ Startups จากความท้าทายได้อย่างไร?
นอกจากบทบาทของการเป็น “แหล่งระดมทุนและกระดานซื้อขายหลักทรัพย์” แล้ว
LiVE Platform ยังเป็นช่องทางในการช่วยเตรียมความพร้อมให้กับ SMEs และ Startups
ด้วยการเป็น “ที่บ่มเพาะ” ของเหล่าธุรกิจ SMEs และ Startups ก่อนจะเข้าระดมทุน
ดังนั้น ธุรกิจ SMEs และ Startups ที่จะมา IPO ใน SME Board นี้ได้
จึงควรผ่าน 3 ขั้นตอนพื้นฐานที่เป็นประโยชน์ในการทำธุรกิจ SMEs และ Startups เสียก่อน
ขั้นตอนที่ 1 : Education Platform
คือ การเรียนรู้พื้นฐานที่จำเป็นในการทำธุรกิจ SMEs และ Startups
เช่น Entrepreneurial Mindset, Digital Marketing, Fundraising for Growth
ในรูปแบบของบทความ คลิปวิดีโอ และห้องเรียนออนไลน์ (e-Learning)
ขั้นตอนที่ 2 : Scaling Up Platform
คือ การเสริมสร้างการเติบโตของ SME และ Startups ให้มีศักยภาพ และความพร้อมในการเข้าสู่ตลาดทุน ผ่านบริการต่างๆ อาทิ ห้องเรียนออนไลน์ความรู้เชิงลึก
จากองค์กรชั้นนำ เช่น Baker McKenzie, PwC และ SLINGSHOT group
นอกจากนี้ ยังมีบริการ Business Coaching, Business Matching ที่อยู่ระหว่างพัฒนาและจะเปิดให้บริการในปีหน้านี้
โดยธุรกิจ SMEs และ Startups ที่จะเข้ามาสู่ขั้นตอนนี้ได้
จะต้องทำแบบทดสอบบน Education Platform และผ่านกระบวนการคัดเลือกตามเงื่อนไขกำหนด
ขั้นตอนที่ 3 : Fundraising & Trading Platform
คือ ช่องทางการระดมทุนผ่านตลาดหลักทรัพย์สำหรับ SMEs และ Startups
โดยธุรกิจ SMEs และ Startups ที่จะเข้ามาสู่ขั้นตอนนี้ได้ ต้องมีคุณสมบัติตามหลักเกณฑ์ที่ ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ กำหนด
จะเห็นได้ว่า LiVE Platform ไม่เพียงแต่จะเป็น “แหล่งเงินทุน” ให้กับธุรกิจไทย
แต่ยังเป็น “โรงเรียนบ่มเพาะต้นกล้าธุรกิจ” ให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งในประเทศไทย
พออ่านมาถึงตรงนี้ ก็เห็นโอกาสที่เปิดกว้างสำหรับ SMEs และ Startups ของประเทศไทย
เพราะแม้แต่ตัวบริษัทของลงทุนแมนเองก็สนใจที่จะเข้าตลาดหลักทรัพย์สำหรับ SMEs และ Startups นี้เหมือนกัน..
References:
-https://sme.go.th
-https://www.slideshare.net/techsauce/thailand-tech-startup-ecosystem-report-2019-by-techsauce
-https://www.thumbsup.in.th/how-funding-rounds-differ-seed-series
-https://www.set.or.th
-https://www.live-platforms.com
ธุรกิจ trading คือ 在 อายุน้อยร้อยล้าน Facebook 的最讚貼文
การแพร่ระบาดของ COVID-19 ทำให้ภาคธุรกิจ และเศรษฐกิจเกิดการชะลอตัว แม้ที่ผ่านมา รัฐบาลจะมีมาตรการหลายประการเพื่อรองรับผลกระทบจากสถานการณ์นี้ แต่ก็ยังไม่สามารถต้านทานความรุนแรงได้ ส่งผลให้บริษัทหลายแห่งเลิกกิจการ ปิดตัว และคาดว่าจะมีคนไทยกว่า 8.3 ล้านคนเสี่ยงตกงาน และมีรายได้ลดลง
.
ซึ่งจากการคาดการณ์ของธนาคารโลก คาดว่าในปี 2563 GDP ของไทยจะลดลงอย่างน้อย 5% และจะมีคนไทยกว่า 8.3 ล้านคนที่เสี่ยงตกงาน มีรายได้ลดลง โดยกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงคือ บุคลากรในภาคการท่องเที่ยวและภาคบริการ ทั้งจะให้เศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวได้ในระดับเดียวกันกับช่วงก่อน COVID-19 อาจต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2 ปี ด้วยจากการสนับสนุนกำลังซื้อของครัวเรือน และมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการอย่างมีประสิทธิภาพ
.
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ประเทศไทย สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสได้ ไม่พบผู้ติดเชื้อภายในประเทศมากกว่า 1 เดือน และมีการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ส่งสัญญาณดีๆ ต่อภาคธุรกิจที่ต้องหยุดชะงัก ปิดกิจการชั่วคราวในหลายเดือนที่ผ่านมา เริ่มฟื้นตัว และสามารถกลับมาเปิดดำเนินกิจการได้ตามปกติ
.
จากข้อมูลล่าสุดของจ็อบส์ ดีบี (ประเทศไทย) ระบุว่า ภาคธุรกิจยังคงมีความต้องการแรงงาน และอัตราสมัครงานเพิ่มขึ้นกว่า 20% ซึ่งเป็นไปตามกลไกของสถานการณ์ที่เริ่มกลับมาดีขึ้น และสามารถกลับมาดำเนินกิจการได้ตามปกติ โดยพบว่ามีการรับสมัครงานเพิ่มขึ้นใน 5 ธุรกิจดังนี้
ธุรกิจโลจิสติกส์ เพิ่มขึ้น 23%, ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เพิ่มขึ้น 13%, ธุรกิจโฆษณา ธุรกิจการตลาด ธุรกิจประชาสัมพันธ์ เพิ่มขึ้น 6%, ธุรกิจประกันภัย เพิ่มขึ้น 5% และธุรกิจขายส่ง ธุรกิจขายปลีก เพิ่มขึ้น 2%
.
ในขณะที่จำนวนผู้สมัครงานแห่สมัครใน 4 กลุ่มธุรกิจ ดังนี้ ธุรกิจ Trading ธุรกิจจัดจำหน่าย เพิ่มขึ้น 32%, ธุรกิจสารเคมี พลาสติก กระดาษ ปิโตรเคมี เพิ่มขึ้น 13%, ธุรกิจไอที เพิ่มขึ้น 10%, ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ธุรกิจจัดเลี้ยง เพิ่มขึ้น 2%
.
แม้ภาพรวมของตลาดงานจะมีแนวโน้มเริ่มต้นฟื้นตัวดีขึ้น รวมถึงมีการจ้างงานที่เพิ่มขึ้น แต่ความท้าทายสำคัญที่ตลาดงานต้องเจอ คือ ทำอย่างไรที่จะช่วยให้ผู้ที่ตกงนสามารถกลับเข้าสู่ตลาดงานได้อีกครั้ง ยิ่งมีจำนวนผู้ตกงานมากเท่าไร เท่ากับความท้าทายที่ตลาดงานต้องเจอยิ่งทวีคูณขึ้นมากเท่านั้น
.
ทั้งนี้ ผู้จัดการธนาคารโลกประจำประเทศไทย ได้กล่าวไว้ว่า น่าจะได้นำมาตรการเสริมความคล่องตัวของตลาดงานมาพิจารณา เช่น การให้เงินอุดหนุนค่าจ้างที่มุ่งเป้าไปสู่บุคคลเปราะบางที่สุดในภาคการผลิต ทั้งเกษตรกร แรงงานในโรงงานอุตสาหกรรม รวมถึงส่งเสริมการฝึกปฏิบัติงานพร้อมกับการทำงานจริงเพื่อสนับสนุนให้เกิดการจ้างงานอีกครั้ง
ที่มา : ธนาคารโลก ประจำประเทศไทย, BBC, DDproperty และ JobsDB Thailand
#อายุน้อยร้อยล้าน #ryounoi100lan
#อายุน้อยร้อยล้านNEWS
#ตลาดงาน #ฟื้นตัว #COVID19